มัคซีม สเตปานอฟ รัฐมนตรีสาธารณสุขยูเครน เปิดเผยในวันเสาร์ (14 พ.ย.) ว่า เขามีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก ไม่นานหลังแถลงว่า ประเทศแห่งนี้พบผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดนับตั้งแต่มีการระบาด ส่งผลให้เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายล่าสุดที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตามหลังประธานาธิบดีและรัฐมนตรีกลาโหม
“นี่สงครามไวรัสคร่าชีวิตชาวยูเครนในทุกๆ วัน” สเตปานอฟ แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ พร้อมระบุว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 12,524 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สูงสุดนับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดเข้ามาในประเทศ เพิ่มขึ้นจากระดับ 11,787 คนของหนึ่งวันก่อนหน้านี้
ตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมของยูเครน พุ่งแตะระดับ 525,176 คน ในนั้นเสียชีวิต 9,508 ราย
ในเวลาต่อมา สเตปานอฟ เขียนข้อความบนแอปพลิเคชันเทเลแกรน ระบุว่า “แม้ระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง และปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทุกอย่าง ผมมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกในวันนี้" พร้อมบอกว่าเขาจะเดินหน้าทำงานจากทางไกล
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี เพิ่งต้องเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาล หลังติดเชื้อโควิด-19 ส่วน เซอร์ฮีย์ มาร์เชนโก รัฐมนตรีคลัง และ อันดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าสำนักประธานาธิบดี เปิดเผยว่า พวกเขามีผลตรวจไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ออกมาเป็นบวก ขณะเดียวกัน ยูเครนฟอร์ม สื่อมวลชนแห่งรัฐ รายงานว่า อันดรีย์ ทาราน รัฐมนตรีกลาโหม ก็ติดเชื้อเช่นกัน แต่ทางกระทรวงฯไม่ยืนยันในเรื่องนี้
ยอดติดเชื้อโควิด-19 รายวันในยูเครน กลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายเดือนกันยายน และยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนตุลาคม จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน กระตุ้นให้รัฐบาลขยายข้อจำกัดต่างๆ ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ ในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของไวรรัส
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ในบางเมืองเปิดเผยว่า พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของทางรัฐบาล เพราะไม่ต้องการให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจตามแคว้นต่างๆ เลวร้ายไปกว่านี้
เดนีย์ส ชมีกัล นายกรัฐมนตรีบอกในวันศุกร์ (13 พ.ย.) ว่า การตัดสินใจของรัฐบาลมีความจำเป็น และสเตปานอฟระบุว่ามาตรการใหม่จะช่วยปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ “ถ้าเราลดการแพร่ระบาดของไวรัสในช่วง 2 วัน (สุดสัปดาห์) เราจะลดภาระระบบการแพทย์ของเราได้อย่างมาก”
มาตรการล็อกดาวน์ช่วงสุดสัปดาห์ จะบังคับใช้ตั้งแต่ 14-30 พฤศจิกายน โดยกำหนดให้ปิดหรือมีข้อจำกัดต่างๆ สำหรับกิจกรรมภาคธุรกิจเกือบทั้งหมด ยกเว้นร้านขายของชำ, ร้านยา, โรงพยาบาลและการขนส่ง
(ที่มา: รอยเตอร์)