xs
xsm
sm
md
lg

“ทริปแอดไวเซอร์” ขึ้นคำเตือนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ระวัง “โรงแรมในไทยส่งนักท่องเที่ยวอเมริกันเข้าคุก” หลังรีวิวเชิงลบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเอฟพี/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – ล่าสุดเมื่อวานนี้(11 พ.ย)เว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดัง “ทริปแอดไวเซอร์” ได้ขึ้นคำเตือนบนเว็บไซต์บนหน้ารีวิวโรงแรมซีวิวรีสอร์ทชื่อดังที่ส่งให้นักท่องเที่ยวอเมริกันต้องอยู่ในเรือนจำจากการโพสต์รีวิวแง่ลบของโรงแรม โดยระบุว่า ทางโรงแรมอาจดำเนินคดีทางกฎหมายต่อนักท่องเที่ยวที่เข้าพัก เว็บไซต์ชี้เป็นหน้าที่ต้องแจ้งเตือนให้ทราบล่วงหน้าเพื่อประโยชน์การตัดสินใจ

เอเอฟพีรายงานวันนี้(12 พ.ย)ว่า เว็บไซต์ท่องเที่ยว “ทริปแอดไวเซอร์” เมื่อวานนี้(11)ได้ขึ้นคำเตือนบนหน้าเพจโรงแรมชื่อดังบนเกาะช้างให้นักท่องเที่ยวต่างชาติระวังการถูกดำเนินคดีเนื่องมาจากปัญหาเคยมีนักท่องเที่ยวอเมริกันที่ได้โพสต์ฟีดแบกเป็นลบกับโรงแรมในเดือนกรกฎาคมล่าสุด ส่งผลทำให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ

ซึ่งทางทริปแอดไวเซอร์ชี้แจงว่า เป็นหน้าที่ของทางเว็บไซต์ที่ต้องปกป้องสิทธิในการรีวิวของนักท่องเที่ยวเพื่อประโยชน์สาธารณะและต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

โดยในคำเตือนมีข้อความว่า “โรงแรมแห่งนี้หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแห่งนี้ได้ยื่นฟ้องทางอาญาต่อผู้ใช้ทริปแอดไวเซอร์จากการที่เขาได้เขียนฟีดแบกและโพสต์ออนไลน์ ผู้เขียนต้องรับโทษในเรือนจำช่วงระยะเวลาหนึ่งเนื่องมาจากผลของมัน ทางทริปแอดไวเซอร์ปกป้องสิทธิผู้ใช้อย่างดีที่สุดเพื่อที่จะสามารถแสดงความเห็นและประสบการณ์ได้อย่างอิสระบนแพลตฟอร์มของเรา ทั้งความเห็นในแง่บวกและแง่ลบ ซึ่งทางโรงแรมอาจใช้สิทธิ์ทางกฎหมายภายใต้กฎหมายท้องถิ่น อย่างไรก็ตามถือเป็นหน้าที่ของทางเราในการที่ต้องแจ้งเตือนต่อนักท่องเที่ยวที่อาจจะเป็นแขกเข้าพักในอนาคตสำหรับการตัดสินใจในระหว่างช่วงที่กำลังวางแผนการเดินทาง”

ทั้งนี้ในเดือนกรกฎาคม เวสลีย์ บาร์นส์( Wesley Barnes) ได้เขียนรีวิวเกี่ยวกับการเข้าพักโรงแรมซีวิวและสปา เกาะช้างถึงความไม่เป็นมิตรของทางพนักงาน และใช้คำแรงว่า “ทาสในยุคใหม่” หลังข้อโต้เถียงเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการเปิดขวด

และหลังจากที่เขาแสดงความเห็นทางออนไลน์แล้ว พบว่าทางโรงแรมได้ดำเนินคดีต่อบาร์นส์ในข้อหาหมิ่นประมาทและส่งให้นักท่องเที่ยวอเมริกันต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 2 วันหลังจากถูกจับกุม

เอเอฟพีชี้ว่า ในเดือนที่ผ่านมาโดยทางโรงแรมและบาร์นส์ได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยเพื่อให้คดีสิ้นสุด โดยสื่อไทยรายงานเมื่อวันที่ 8 ต.ค พบว่า เวสลีย์ บาร์นส์ ที่มีล่ามอยู่ในเหตุการณ์และมีทนายความส่วนตัว อัตพล สุวรรณจันทร์ มาพบกับ กรรมการบริษัท และตัวแทนของโรงแรมซีวิว เกาะช้าง และทนายความของทางโรงแรม ติณญ์ณภัทร มีเพชรอัฐมงคล เพื่อหาข้อยุติความขัดแย้งทางกฎหมาย โดยมี พ.ต.อ.กิตติ มาลีหวล ผกก.สภ.เกาะช้างร่วมเป็นสักขีพยายาน

ซึ่งตามรายงานพบว่า บาร์นส์ยินดีขอโทษที่ทำให้โรงแรมเสื่อมเสียชื่อเสียง และทั้งสองฝ่ายได้ทำบันทึกข้อตกลงในการยอมความไว้เป็นหลักฐาน

โดยทางฝ่ายโรงแรม คุณติณญ์ณภัทร ได้กล่าวว่า ยินดีที่จะยุติเรื่องทั้งหมด เพียงแต่คุณบาร์นต้องแสดงความจริงใจและแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ก่อขึ้น และพร้อมที่จะแก้ไขตามสมควร ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญถึงความถูกต้องภายใต้กฎหมายเป็นสำคัญด้วยและที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ ความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันของมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเกิดเป็นชาติใดก็ควรที่จะได้รับความเคารพเสมอกัน

สื่อไทยรายงานว่า เวสลีย์ บาร์นส์ ได้กล่าวคำขอบคุณ(ผ่านล่าม)ต่อผู้บริหารโรงแรมและผกก.สภ.เกาะช้างที่ยินดีรับคำขอโทษจากตนเองและพร้อมที่จะดำเนินตาม เงื่อนไขที่ได้หารือร่วมกันทั้งสองฝ่ายรวมทั้งทนายความทั้งสองฝ่ายด้วย

ทั้งนี้บาร์นส์ระบุว่าเขาจะดำเนินการตามเงื่อนไขของโรงแรมซีวิวรีสอร์ทที่ให้ออกหนังสือขอโทษไปตามสื่อต่างๆในต่างประเทศ รวมไปถึงหน่วยงานการท่องเที่ยวของภาครัฐ สถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย

และยังขอให้ส่งไปยัง "เว็บไซต์ทริปแอดไวเซอร์" เพื่อชี้แจงถึงการกระทำความความผิดของตนจนต้องถูกดำเนินคดี พร้อมขอให้ทริปแอดไวเซอร์ไม่ติดป้ายเตือน Red Badge บนหน้าเพจโรงแรมซีวิว เกาะช้าง

โดยในรายงานของสื่อไทย เงื่อนไขกำหนดให้บาร์นสขอให้ทางทริปแอดไวเซอร์ออกเอกสารยืนยันว่าจะไม่ติดป้ายเตือนดังกล่าวด้วย

โดยเขาต้องทำทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 ต.ค ปี 2563 ก่อนที่โรงแรมจะยอมถอนฟ้อง

ทั้งนี้เงื่อนไขที่ถูกระบุถูกกำหนดให้นักท่องเที่ยวอเมริกันต้องส่งจดหมายไปยังสื่อชื่อดังทั่วโลกที่ตีข่าว เป็นต้นว่า CNN ของสหรัฐฯ เดลีเมลของอังกฤษ หนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สของสหรัฐฯ บีบีซี และ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์สื่อไทยภาคภาษาอังกฤษ ด้วยข้อความว่า


“ข้าพเจ้านายบาร์น ขอแสดงความเสียใจที่ได้รีวิวโฆษณาด้วยข้อความอันเป็นเท็จใส่ร้ายหมิ่นประมาทต่อโรงแรม ซีวิว เกาะช้าง ในทำนองว่าปฏิบัติต่อพนักงานเช่นทาสและพาดพิงถึงเชื้อชาติของพนักงานโรงแรม เปรียบเทียบและพาดพิงโรงแรมกับไวรัสโคโรน่าต่อเนื่องหลายต่อหลายครั้งนั้น ข้อความที่ข้าพเจ้ารีวิวทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย แต่เกิดจากความคึกคะนองของข้าพเจ้าเอง บัดนี้ ข้าพเจ้านายบาร์นได้สำนึกผิดแล้วและได้มาขอโทษต่อโรงแรม ซึ่งโรงแรม ซีวิว เกาะช้าง และพนักงาน ก็ได้ให้อภัย และจะดำเนินการยุติคดีให้แก่ข้าพเจ้าต่อไป จึงขอขอบพระคุณโรงแรม ซึ่งโรงแรม ซีวิว เกาะช้าง และพนักงาน ข้าพเจ้าถือโอกาสนี้แจ้งข่าวให้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป”

แต่ดูเหมือนว่าทางทริปแอดไวเซอร์จะไม่ฟังเสียงและเดินหน้าขึ้นป้ายเตือนตามที่เป็นข่าว








กำลังโหลดความคิดเห็น