ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่สัญชาติจีนของ TikTok ยื่นฟ้องศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (10 พ.ย.) เพื่อคัดค้านคำสั่งของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้ไบต์แดนซ์ต้องขายหรือเลิกกิจการแอปฯ แชร์วิดีโอสั้นยอดนิยมในสหรัฐฯ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับในวันพฤหัสบดีนี้ (12 พ.ย.)
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เซ็นคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ให้ไบต์แดนซ์ต้องขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ภายใน 90 วัน โดยอ้างความกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกันราว 100 ล้านคนที่ใช้แอปฯ นี้อาจจะถูกส่งต่อให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขณะที่ TikTok ยืนกรานปฏิเสธข้อครหานี้
ในคำร้องที่ยื่นต่อศาล ไบต์แดนซ์อ้างว่าคำสั่งของ ทรัมป์ และผลการตรวจสอบของหน่วยงานสหรัฐฯ ที่ระบุว่า TikTok เป็นภัยความมั่นคงนั้น “ขัดต่อกฎหมาย และเป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญอเมริกัน”
ไบต์แดนซ์ ซึ่งอยู่ระหว่างทำข้อตกลงกับ วอลมาร์ท อิงค์ และ ออราเคิล คอร์ป เพื่อปรับโครงสร้างกิจการในสหรัฐฯ ยังขอให้ขยายเส้นตายคำสั่งเลิกกิจการออกไปอีก 30 วัน เพื่อจะได้มีเวลาพูดคุยเงื่อนไขในขั้นสุดท้าย
“เนื่องจากเราเผชิญข้อเรียกร้องใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีความชัดเจนว่าทางออกที่เราเสนอไปนั้นจะถูกตอบรับหรือไม่ เราจึงขอให้มีการขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน จากกำหนดเส้นตายที่ระบุไว้ในคำสั่งเมื่อวันที่ 14 ส.ค.” TikTok ระบุในถ้อยแถลง
“เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งขยายเวลา เราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นฟ้องศาล เพื่อปกป้องสิทธิของเราและของพนักงานอีกกว่า 1,500 คนในสหรัฐฯ”
คำสั่งของ ทรัมป์ ยังกำหนดให้มีการแบนแอปฯ TikTok ในสหรัฐฯ ในวันที่ 12 พ.ย. นี้ด้วยหากว่าไบต์แดนซ์ไม่ยอมขายกิจการ อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษารัฐเพนซิลเวเนียได้ออกคำสั่งยับยั้งชั่วคราวเอาไว้เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา
หลังจากที่ได้เจรจากับบริษัทอเมริกันหลายราย ในที่สุดไบต์แดนซ์และ TikTok ได้ยื่นข้อเสนอตั้งบริษัทใหม่ในสหรัฐฯ ภายใต้ชื่อ "TikTok Global" โดยบริษัทแห่งนี้จะมีออราเคิลถือหุ้น 12.5% และวอลมาร์ท 7.5%
แผนที่ว่านี้ดูเหมือนจะสร้างความพอใจให้กับคณะบริหารของ ทรัมป์ ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้ไฟเขียวอย่างเป็นทางการ
ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์