สหรัฐฯ ในวันอังคาร (10 พ.ย.) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่รายวัน เพิ่มถึง 201,961 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทุบสถิติสูงสุดอีกครั้งนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด จากการนับของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์
ตัวเลขอันสูงลิ่้ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากข้อมูลที่รายงานล่าช้าเมื่อช่วงสัปดาห์ ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 10,238,243 คน และเสียชีวิต 239,588 คน จนถึง 20.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 08.30 น.วันพุธ)
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 อีก 1,536 คน สูงสุดในรอบหลายเดือน แม้สหรัฐฯดิ้นรนอย่างหนักในความพยายามควบคุมการแพร่ระบาด
สำหรับค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์ เวลานี้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯ อยู่ที่มากกว่า 100,000 คนต่อวัน
นอกจากนี้แล้ว จำนวนคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ก็แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดเช่นกัน โดยจากข้อมูลของ COVID Tracking Project พบว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กำลังรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ มากกว่า 60,000 คน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน เย้ยหยันผู้คนที่สวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 มาตลอด และอ้างว่าไม่นานไวรัสจะหายไปเอง
ผิดกับ โจ ไบเดน คู่แข่งของเขาและว่าที่ประธานาธิบดีคนถัดไป ประกาศใช้แนวทางในเชิงรุกมากกว่า โดยในสัปดาห์นี้ ได้บอกกับประชาชนทั่วประเทศ ว่าการสวมหน้ากากปกปิดใบหน้า คือหนทางที่ดีที่สุดทางเดียวที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
ไฟเซอร์ บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ และ ไบโอเอ็นเทค พันธมิตรจากเยอรมนี แถลงเมื่อวันจันทร์ (9 พ.ย.) ว่าวัคซีนไวรัสโคโรนาของพวกเขา ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการทดลองระยะสุดท้าย ส่อแสดงให้เห็นว่า มันน่าจะมีประสิทธิภาพสูงถึง 90% ถือเป็นความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการค้นคว้าวิจัยวัคซีน
(ที่มา : เอเอฟพี)