ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในฝรั่งเศส พุ่งทะลุหลัก 1 ล้านคน เมื่อวานนี้ (23 ต.ค.) ซึ่งนับเป็นประเทศที่ 7 ของโลก ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยรายวันยังพุ่งสูงทุบสถิติใหม่กว่า 42,000 คน
รัฐบาลฝรั่งเศสรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ 42,032 คน ในรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศเวลานี้ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1,041,075 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นมาอีก 298 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 34,508 คน
ประเทศอื่นๆ ที่มีผู้ติดเชื้อหลักล้าน ได้แก่ สหรัฐฯ ซึ่งยังคงรั้งอันดับ 1 ของโลกด้วยสถิติผู้ป่วยสะสมเกิน 8.4 ล้านคน ตามมาด้วยอินเดีย 7.8 ล้านคน, บราซิล 5.3 ล้านคน, รัสเซีย 1.5 ล้านคน และอาร์เจนตินา กับสเปน อีกประเทศละ 1 ล้านคนเศษ
ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในฝรั่งเศสพุ่งแตะ 40,000 คน เป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดี (22) หลังจากที่ทำสถิติทะลุ 20,000 คน เมื่อวันที่ 9 ต.ค. และประมาณ 10,000 คนเศษ มาตั้งแต่ 9 ก.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าไวรัสเริ่มกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ประกอบกับทางการฝรั่งเศสได้ยกระดับตรวจหาเชื้อเพิ่มขึ้นหลังผ่านช่วงฤดูร้อน
ระหว่างช่วงล็อกดาวน์เดือน มี.ค.- พ.ค. ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในฝรั่งเศสเคยพุ่งสูงสุดอยู่ที่ 7,578 คน ในวันที่ 31 มี.ค. ขณะที่แพทย์เตือนว่าตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านั้นมาก เนื่องจากการตรวจหาเชื้อยังจำกัดอยู่เฉพาะในโรงพยาบาลและสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุเท่านั้น
ประธานาธิบดี เอมมานูแอล มาครง ระบุว่า คำสั่งเคอร์ฟิวซึ่งมีผลกระทบต่อพลเมือง 2 ใน 3 ของฝรั่งเศสตั้งแต่ค่ำวันศุกร์ (23) อาจถูกยกระดับเข้มข้นขึ้นอีก หากยังชะลอการแพร่ระบาดลงไม่ได้
“เราจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับไวรัสตัวนี้ไปจนถึงฤดูร้อนหน้าเป็นอย่างน้อย” ผู้นำฝรั่งเศสเตือน
มาครงระบุด้วยว่า รัฐบาลจะเริ่มผ่อนคลายคำสั่งเคอร์ฟิวก็ต่อเมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันลดลงสู่ระดับ 3,000-5,000 คน ซึ่งเกิดขึ้นล่าสุดเมื่อปลายเดือน ส.ค.
ที่มา: รอยเตอร์