เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายคดีอาชญากรรมการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ประกาศลาออกวานนี้ (9 พ.ย.) เพื่อประท้วงคำสั่งของ วิลเลียม บาร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ซึ่งร่อนหนังสือถึงอัยการทั่วประเทศให้เปิดการสอบสวนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความผิดปกติในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ทั้งที่หลายรัฐยังไม่ได้ประกาศรับรองผลการนับคะแนน
ริชาร์ด พิลเกอร์ ผู้อำนวยการแผนกอาชญากรรมการเลือกตั้งในกลุ่มงานตรวจสอบภาครัฐ (Public Integrity Section) ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ส่งอีเมลถึงเพื่อนร่วมงานว่า คำสั่งของรัฐมนตรียุติธรรม “ถือเป็นการละเมิดนโยบายไม่แทรกแซง (non-interference policy) เปิดการสอบสวนทุจริต ก่อนที่ผลการเลือกตั้งจะผ่านการรับรอง” ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่กระทรวงยุติธรรมยึดถือมานาน 40 ปี
พิลเกอร์ ยังได้แนบบันทึกข้อความฉบับนี้ไปพร้อมกับจดหมายลาออกด้วย และไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะยังคงทำงานในกระทรวงต่อไปในตำแหน่งอื่นๆ หรือไม่
บาร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ยืนหยัดปกป้องประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มาโดยตลอด มีหนังสือมอบอำนาจให้อัยการทั่วประเทศเปิดการสอบสวนความไม่ชอบมาพากลในศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ หลังจากที่ ทรัมป์ พยายามกล่าวอ้างโดยไร้หลักฐานว่าสาเหตุที่ตนพ่ายแพ้แก่ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตก็เพราะมีการทุจริตเกิดขึ้น
บาร์ ย้ำว่า จดหมายที่ตนส่งถึงอัยการสหรัฐฯ นั้น “ไม่ได้หมายความว่ากระทรวงยุติธรรมพบหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง”
อย่างไรก็ตาม คำสั่งของ บาร์ ได้ทลายข้อจำกัดในสอบสวนของอัยการ ในขณะที่พรรครีพับลิกันเดินหน้าฟ้องร้องว่ามีการทุจริตและโกงผลการนับคะแนนในหลายรัฐ ซึ่งล้วนแต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน
“เนื่องจากการลงคะแนนในศึกเลือกตั้งจบสิ้นลงแล้ว ผมจึงขอมอบอำนาจให้พวกท่านติดตามสอบสวนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความผิดปกติในการลงคะแนนและการนับคะแนนก่อนที่จะมีการประกาศรับรองผลเลือกตั้งได้ในบางกรณี” บาร์ ระบุในจดหมาย
“การสอบสวนและทบทวนสามารถกระทำได้ หากมีข้อกล่าวหาที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ ซึ่งหากเป็นจริงอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงผลเลือกตั้งในบางรัฐ”
โดยปกติแล้ว การสอบสวนทุจริตเลือกตั้งถือเป็นอำนาจของแต่ละรัฐ ซึ่งจะกำหนดและบังคับใช้กฎเกณฑ์การเลือกตั้งของตัวเอง
ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ มีนโยบายไม่ใช้อำนาจส่วนกลางเข้าแทรกแซง จนกว่าผลการนับคะแนนในแต่ละรัฐจะผ่านการรับรอง, กระบวนการนับคะแนนใหม่เสร็จสิ้น และขั้นตอนการเลือกตั้งได้ยุติลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
บาร์ แจ้งไปยังอัยการว่า “แนวปฏิบัติดังกล่าวไม่ใช่กฎตายตัว” และย้ำว่า หากพวกเขาพบสิ่งผิดปกติที่อาจเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งเมื่อวันอังคารที่แล้ว (3) ก็ให้ใช้อำนาจสอบสวนได้ทันที
ที่มา: CNN, เอเอฟพี