เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(7 พ.ย)ผู้กำกับสหรัฐฯสั่งเรียกรถวอลโว่รุ่น S60 และรุ่น S80 สูงสุด 54,000 คันโดยทางบริษัทวอลโว่ยืนยันจะรับผิดชอบเปลี่ยนะบบถุงลมให้ใหม่ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย หลังจากพบชิ้นส่วนโลหะจากถุงลมที่เกิดระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวานนี้(7 พ.ย)ว่า ทั้งนี้ในวันเสาร์(7)ผู้กำกับสหรัฐฯชี้ว่าการเรียกคืนรถวอลโว่รุ่นเก่าจะมีจำนวนสูงสุดถึง 54,000 คัน
เป็นรถวอลโว่รุ่นเก่าจำหน่ายระหว่างปี 2001 – ปี 2003 ของรุ่น S60 และรุ่น S80 ซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่รัฐต่างๆรวมถึงดินแดนอาณานิคมสหรัฐฯได้แก่ รัฐแอละบามา รัฐอาร์คันซอ รัฐฟลอริดา รัฐจอร์เจีย รัฐฮาวาย รัฐมิสซิสซิปปี รัฐนอร์ท แคโรไลนา รัฐโอกลาโฮมา รัฐเซาท์ แคโรไลนา รัฐเทนเนสซี รัฐเทกซัส ดินแดนปัวโตริโก ดินแดนอเมริกัน ซามอย เกาะกวม หมู่เกาะมาเรียนาเหนือ(Northern Mariana Islands)และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐฯ
ซึ่งทางบริษัทวอลโว่ออกมาแสดงความรับผิดชอบที่จะเปลี่ยนระบบถุงลมนิรภัยให้แก่รถที่ถูกเรียกคืนเหล่านี้ฟรีให้กับเจ้าของรถ
ทั้งนี้พบว่าถุงลมในรถรุ่นที่เกิดเหตุมาจากบริษัทผู้ผลิต ZF/TRW แต่รัฐบาลสหรัฐฯชี้ ว่าการระเบิดของถุงลมไม่ต่างจากถุงลมทากาตะของญี่ปุ่นที่สร้างปัญหาไปทั่วโลก
ด้านคณะกรรมการความปลอดภัยทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ NHTSA(U.S. National Highway Traffic Safety Administration) กล่าวว่า ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับวอลโว่ถึงรถรุ่นอื่นที่มีการติดตั้งถุงลมรุ่นเกิดเหตุนี้และอยู่ในการประเมินถึงการตัดสินใจขั้นต่อไป
อย่างไรก็ตามบริษัท ZF/TRW ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองดีทรอยต์ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่ามีได้ขายถุงลมรุ่นที่เกิดปัญหาให้กับค่ายรถอื่นด้วยหรือไม่
ผู้กำกับสหรัฐฯ NHTSA ชี้ว่าถุงลมบริษัท ZF/TRW เกิดระเบิดและทำให้คนขับรถเสียชีวิตเนื่องมาจากชิ้นส่วนโลหะของถุงลม ซึ่งในวันเสาร์(7)ทางผู้กำกับสหรัฐฯชี้ว่า ระบบถุงลมของ ZF/TRW ไม่ได้ใช้แอมโมเนียมไนเตรท(ammonium nitrate)เพื่อให้ถุงลมเกิดการพองตัวเหมือนเช่นของทางบริษัททากาตะของญี่ปุ่น
ทั้งนี้บริษัทวอลโว่กล่าวในรายงานที่โพสต์โดย NHTSA ว่า จากข้อมูลจดทะเบียนพบว่า ยังมีรถจำนวน 13,800 คันจากจำนวนที่ถูกเรียกคืนทั้งหมดยังคงมีการใช้อยู่