โจ ไบเดน ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต กล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุนเมื่อค่ำวานนี้ (6 พ.ย.) ว่า ตนมั่นใจจะเอาชนะประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้อย่างเด็ดขาด หลังผลการนับคะแนนในรัฐสมรภูมิแห่งท้ายๆ บ่งชี้ว่า เริ่มมีคะแนนนำห่าง ขณะที่สื่อหลักในอเมริกายังไม่ฟันธงผู้ชนะ เนื่องจากหลายรัฐยังคงมีการนับคะแนนกันอยู่
“ตัวเลขเหล่านี้บอกกับเรา มันคือเรื่องราวที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือว่าเรากำลังจะชนะศึกเลือกตั้งครั้งนี้” ไบเดน กล่าวที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ พร้อมระบุว่า ตน และ ส.ว. คามาลา แฮร์ริส คู่ชิงรองประธานาธิบดี ได้เริ่มปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเตรียมตัวสำหรับภารกิจในทำเนียบขาว
อันที่จริง ไบเดน ได้เตรียมร่างสุนทรพจน์นี้ไว้เพื่อประกาศชัยชนะ ทว่า เจ้าตัวได้ปรับถ้อยคำให้เบาลง เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ในอเมริกาและบรรดานักวิเคราะห์ผลเลือกตั้งยังไม่ฟันธงผู้ชนะอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงของ ไบเดน ก็ถือเป็นสัญญาณท้าทายอย่างโจ่งแจ้งไปยัง ทรัมป์ ที่เก็บตัวเงียบในทำเนียบขาวตลอดวานนี้ (6) ขณะที่ผลการนับคะแนนบ่งชี้ว่า ไบเดน เริ่มนำห่างใน 4 รัฐสมรภูมิซึ่งจะเป็นตัวตัดสินผลเลือกตั้ง ได้แก่ เพนซิลเวเนีย, จอร์เจีย, แอริโซนา และเนวาดา
ด้วยคะแนนโหวตที่นำหน้า ทรัมป์ อยู่ประมาณ 4.1 ล้านเสียงจากจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ 147 ล้านคน ไบเดน ชี้ว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ได้มอบอาณัติให้ตนเข้ามาจัดการวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 รวมถึงแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ, ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และการเหยียดเชื้อชาติในอเมริกา
“ชาวอเมริกันได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาต้องการให้คนในชาติกลับมาสามัคคีกัน ไม่ใช่ยังคงแตกแยกกันต่อไป” ไบเดน กล่าว
อดีตรองประธานาธิบดีวัย 77 ปี ระบุด้วยว่า ตนจะมีถ้อยแถลงต่อชาวอเมริกันอีกครั้งในวันเสาร์นี้ (7) ตามเวลาในสหรัฐฯ
ทางด้าน ทรัมป์ ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ง่ายๆ และกล่าวหาโดยไร้หลักฐานว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ขณะที่พรรครีพับลิกันประกาศระดมทุน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการยื่นฟ้องศาลท้าทายผลเลือกตั้ง
Edison Reseach ยังคงประเมินให้ ไบเดน มีจำนวนผู้แทนเลือกตั้ง 253 เสียง และ ทรัมป์ มี 214 เสียง หลังการนับคะแนนย่างเข้าสู่วันที่ 4 ขณะที่สื่อบางสำนักเช่น เอพี ให้ ไบเดน มีผู้แทนเลือกตั้ง 264 เสียง โดยความแตกต่างกันนี้อยู่ที่ ‘รัฐแอริโซนา’ ซึ่งเอพีมั่นใจว่าสามารถฟันธงให้เป็นของ ไบเดน ได้แล้ว แต่สื่ออื่นๆ ยังไม่เชื่อมั่นขนาดนั้น
ทั้งนี้ หาก ไบเดน สามารถเอาชนะ ทรัมป์ ที่รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคณะผู้แทนเลือกตั้ง 20 เสียง ก็จะเก็บจำนวนผู้แทนเลือกตั้งได้เกิน 270 เพื่อเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ทันที และเขายังมีโอกาสที่จะชนะเช่นกัน หากได้คะแนนโหวตมากกว่า ทรัมป์ ใน 2 จากอีก 3 รัฐสมรภูมิ (เนวาดา, จอร์เจีย, แอริโซนา) ซึ่งยังคงมีการนับคะแนนอยู่
ไบเดน มีคะแนนนำอยู่เพียงเล็กน้อยที่เนวาดาและแอริโซนา ทว่า เมื่อวานนี้ (6) ยังสามารถพลิกกลับมาเป็นฝ่ายแซง ทรัมป์ ที่เพนซิลเวเนียและจอร์เจียได้ด้วย
ในรัฐแอริโซนาซึ่งนับคะแนนไปแล้ว 97% ไบเดน มีคะแนนนำอยู่ 29,861 คะแนน ส่วนที่เนวาดาซึ่งนับเสร็จ 93% ไบเดน นำอยู่ 22,657 คะแนน
ที่รัฐจอร์เจียซึ่งนับคะแนนไปแล้ว 99% ไบเดน มีคะแนนนำอยู่เพียง 4,289 คะแนน ส่วนที่เพนซิลเวเนียนำอยู่ 27,130 คะแนนจากที่นับไปแล้ว 96%
ไบเดน ชี้ว่า ข้อเรียกร้องของ ทรัมป์ ที่ให้แต่ละรัฐหยุดนับคะแนนนั้น “ไม่มีทางสำเร็จ”
“คะแนนเสียงของท่านจะต้องถูกนับ ผมไม่แคร์ว่าจะมีใครพยายามหยุดมันแค่ไหน แต่ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น” ไบเดน กล่าว
ทางด้าน ทรัมป์ ก็ได้ทวีตข้อความว่า “โจ ไบเดน ไม่ควรจะแอบอ้างเป็นประธานาธิบดี ผมเองก็อ้างได้ กระบวนการทางกฎหมายกำลังเริ่มขึ้น!”
ที่มา: รอยเตอร์