รัฐจอร์เจียซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐแบทเทิลกราวนด์สเตตส์ของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีนี้ ประกาศว่า คงจะต้องมีการ ‘นับคะแนนใหม่’ หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ยังคงทำคะแนนสูสีกันอย่างมาก
จากผลการนับคะแนนล่าสุดในเช้าวันนี้ (7) ตามเวลาในประเทศไทย พบว่า ไบเดน มีคะแนนในรัฐจอร์เจีย 49.4% ขณะที่ ทรัมป์ ได้ไป 49.3% ซึ่งถือเป็นส่วนต่างแค่ไม่กี่พันคะแนน
“ด้วยส่วนต่างที่น้อยมาก จึงจำเป็นต้องมีการนับคะแนนใหม่” แบรด ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ เลขาธิการแห่งรัฐจอร์เจีย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนวานนี้ (6)
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่า ยังมีบัตรเลือกตั้งของทหารและพลเมืองในต่างประเทศอีกราวๆ 9,000 ใบ ที่จะถูกนำมานับคะแนนได้ หากเดินทางมาถึงภายในวันศุกร์ (6) และถูกประทับตราไปรษณีย์ในวันที่ 3 พ.ย. หรือก่อนหน้านั้น
อย่างไรก็ตาม การเริ่มนับคะแนนใหม่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการรับรองผลการนับคะแนนในรอบแรกแล้ว ซึ่งคาดว่า จะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 20 พ.ย.นี้
สาเหตุหลัก 3 ประการที่จะนำไปสู่การนับคะแนนใหม่ในรัฐจอร์เจีย ได้แก่ 1) ผู้สมัครประธานาธิบดีที่แพ้ด้วยคะแนนส่วนต่างไม่ถึง 0.5% ยื่นคำร้องไปยังเลขาธิการแห่งรัฐ 2) ผู้สมัครคนใดคนหนึ่งร้องเรียนว่ามีความขัดแย้งหรือข้อผิดพลาดในระบบการนับคะแนน ซึ่งในกรณีนี้เลขาธิการแห่งรัฐจะมีอำนาจพิจารณาว่าสมควรนับคะแนนใหม่หรือไม่ และ 3) เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งในท้องถิ่นเชื่อว่าผลการนับคะแนนอาจผิดพลาด และขอให้มีการนับคะแนนใหม่ในเทศมณฑลนั้นๆ
สำนักข่าวเอพีให้ ไบเดน ได้เสียงคณะผู้เลือกตั้ง (electoral votes) แล้ว 264 เสียง ส่วนทรัมป์ได้ 214 เสียง ในขณะที่สื่อใหญ่อื่นๆ หลายแห่งให้ ไบเดน ได้แค่ 253 เสียง ซึ่งความแตกต่างกันนี้อยู่ที่ ‘รัฐแอริโซนา’ ซึ่งเอพี (รวมทั้งฟ็อกซ์นิวส์) มั่นใจว่าสามารถฟันธงให้เป็นของ ไบเดน ได้แล้ว แต่สื่ออื่นๆ ยังไม่เชื่อมั่นขนาดนั้น
รัฐที่คะแนนของ ไบเดน และ ทรัมป์ ยังคู่คี่กันมาก ได้แก่ แอริโซนา (คณะผู้เลือกตั้ง 11 เสียง), เนวาดา (6), นอร์ทแคโรไลนา (15), จอร์เจีย (16) และเพนซิลเวเนีย (20)
จากข้อมูลอัปเดตของ CNN เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. วันนี้ (7) ตามเวลาในไทย ไบเดน มีคะแนนอย่างน้อย 2,456,845 คะแนนในรัฐจอร์เจีย ส่วน ทรัมป์ มีอยู่ 2,452,825 คะแนน คิดเป็นส่วนต่างแค่ราวๆ 4,000 กว่าคะแนนเท่านั้น ซึ่งหาก ไบเดน สามารถเก็บชัยชนะที่รัฐแห่งนี้ก็จะได้ผู้แทนออกเสียง (electoral votes) เพิ่มมาอีก 16 เสียง และจะกลายเป็นผู้ชนะในทันที
ที่มา: รอยเตอร์, CNN