อิตาลีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 34,505 คน ในช่วง 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขในวันพฤหัสบดี (5 พ.ย.) ถือเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด และเพิ่มขึ้นจากระดับ 30,550 คนของเมื่อวันพุธ (4 พ.ย.)
นอกจากนี้แล้ว กระทรวงสาธารณสุขอิตาลี ยังรายงานพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 445 คน เพิ่มขึ้นจาก 352 คนของหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ถือว่ามีผู้เสียชีวิตรายวันเกินกว่า 400 คนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม
จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมในอิตาลี เพิ่มเป็น 40,192 ราย กลายเป็นชาติที่ 6 ของโลก ที่รายงานมีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 40,000 คน ขณะเดียวกัน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของประเทศ ก็เพิ่มเป็น 824,879 คน
แคว้นลอมบาร์ดี ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองมิลาน ศูนย์กลางทางการเงินของอิตาลี ยังคงเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด โดยรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ 8,822 คน ในวันพฤหัสบดี (5 พ.ย.) จากระดับ 7,758 คนในวันพุธ (4 พ.ย.) รองลงมาได้แก่แคว้นคัมปาเนีย ทางภาคใต้ ซึ่งพบผูุ้ติดเชื้อ 3,888 คน
ด้วยที่พบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อิตาลีจึงเตรียมกำหนดเคอร์ฟิวทั่วประเทศ และออกมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในบางแคว้น เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากบรรดาชาติเพื่อนบ้านยุโรปได้บังคับใช้ข้อบังคับใหม่ๆ ไปก่อนหน้านี้แล้ว
นับตั้งแต่วันศุกร์ (6 พ.ย.) เป็นต้นไป ประชากร 60 ล้านคนของอิตาลี จำเป็นต้องอยู่แต่ในที่พักอาศัยตั้งแต่เวลา 22.00-05.00 น. ยกเว้นแต่ออกไปทำงานหรือเหตุผลด้านสุขภาพ ภายใต้คำสั่งใหม่ที่ลงนามโดยนายกรัฐมนตรี จูเซปเป คอนเต้
เบื้องต้นรัฐบาลบอกว่าข้อจำกัดใหม่ๆ จะเริ่มต้นในวันพฤหัสบดี (5 พ.ย.) แต่มีอันต้องล่าช้าออกไป 1 วัน เพื่อเปิดทางให้ห้างร้านต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น ในขณะที่มันจะถูกบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม
ภายใต้กฎระเบียบใหม่ แคว้นต่างๆ ของอิตาลีจะถูกออกแบ่งเป็นโซน ประกอบด้้วย โซนเสี่ยงสูง, โซนเสี่ยงสูงปานกลางและโซนเสี่ยงปานกลาง บนพื้นฐานว่าไวรัสแพร่ระบาดรวดเร็วแค่ไหนและปริมาณเตียงคนไข้ที่เหลือรองรับผู้ป่วย เช่นเดียวกับปัจจัยอื่นๆ “เราไม่มีทางเลือกอื่น” คอนเต้ กล่าวระหว่างแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเมื่อวันพุธ (4 ก.พ.)
ใน “โซนสีแดง” หรือโซนที่มีความเสี่ยงสูง ห้างร้านต่างๆ ที่ไม่ได้ขายสินค้าที่จำเป็น อย่างเช่น อาหารและยา จำเป็นต้องปิดบริการ ประชาชนจะถูกห้ามสัญจรไปมาอย่างอิสระยกเว้นแต่ออกไปทำงาน เหตุผลด้านสุขภาพหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะเดียวกันผู้คนยังถูกห้ามเดินทางออกนอกเมืองถิ่นพำนักด้วย
นอกจากนี้ การเดินทางระหว่างแคว้นกับแคว้นบางแห่งก็ถูกจำกัดด้วยเช่นกัน
(ที่มา:รอยเตอร์)