รัฐบาลเกาหลีเหนืออ้างว่าเหตุยิงสังหารเจ้าหน้าที่ประมงเกาหลีใต้ใกล้เส้นเขตแดนทางทะเลเมื่อเดือนที่แล้วถือเป็น “มาตรการป้องกันตนเอง” เพื่อยับยั้งการแพร่เข้ามาของโควิด-19 พร้อมตำหนิฝ่ายโสมขาวว่าสะเพร่า ไม่ควบคุมพลเมืองของตนในพื้นที่ซึ่งมีความเปราะบาง
กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า เจ้าหน้าที่ประมงเกาหลีใต้คนหนึ่งซึ่งหายตัวไปจากเรือตรวจการณ์เมื่อปลายเดือน ก.ย. ถูกทหารโสมแดงยิงตาย ก่อนที่ศพของเขาจะถูกราดด้วยน้ำมันและจุดไฟเผาทิ้ง
รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ในขณะที่ฝ่ายโสมแดงอ้างว่าแค่เผาอุปกรณ์ช่วยการลอยตัวในน้ำ (floatation device) ของเจ้าหน้าที่โสมขาวเท่านั้น ไม่ได้เผาศพทิ้งตามที่เป็นข่าว
ล่าสุดในวันนี้ (30 ต.ค.) สำนักข่าว KCNA ได้ออกมากล่าวหานักการเมืองฝ่ายค้านเกาหลีใต้ว่าพยายามจุดประเด็นสร้างความแตกแยก และยังตำหนิโซลที่ไม่สกัดพลเมืองของตนเองไม่ให้รุกล้ำเขตแดนของเกาหลีเหนือ
“ทหารของเราจำเป็นต้องใช้มาตรการปกป้องตนเองโดยไม่มีทางเลือก และเข้าใจว่าพลเมืองเกาหลีใต้ที่บุกรุกน่านน้ำเข้ามาอย่างผิดกฎหมายนั้นมีเจตนาหลบหนีเข้าเมือง เนื่องจากไม่ตอบสนองต่อการสกัดกั้น” KCNA ระบุ
สื่อโสมแดงย้ำด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “เป็นผลมาจากความล้มเหลวของเกาหลีใต้ในการควบคุมพลเมืองบริเวณพื้นที่เปราะบาง ในช่วงเวลาที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด และมีอันตรายจากเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดไปทั่วเกาหลีใต้”
“ดังนั้น เกาหลีใต้จึงควรโทษตัวเองเป็นอันดับแรก”
เจ้าหน้าที่ประมงโสมขาวรายนี้หายตัวไปขณะที่กำลังออกตรวจการณ์ในน่านน้ำบริเวณเกาะยอนพยอง (Yeonpyeongdo) ห่างจากแนวจำกัดตอนเหนือ (Northern Limit Line) ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของสองเกาหลีมาทางทิศใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร และกองทัพเกาหลีใต้พบหลักฐานบ่งชี้ว่าชายคนดังกล่าวจงใจหลบหนีข้ามไปยังฝั่งเกาหลีเหนือ
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้นำ คิม จองอึน ถึงขึ้นออกมากล่าวขออภัยและแสดงความเสียใจ พร้อมให้เหตุผลว่าทหารทำไปเพื่อป้องกันโควิด-19 ซึ่งถือว่าไม่บ่อยนักที่จะได้ยินคำขอโทษเช่นนี้จากผู้นำสูงสุดโสมแดง
ที่มา: รอยเตอร์