เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - แอนต์ กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ฟินเทคและอี-เพย์เมนต์ในเครืออาลีบาบา โดยเป็นที่รู้จักกันนอกประเทศจีนในฐานะเจ้าของ “อาลีเพย์” เปิดตัวเริ่มขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก (ไอพีโอ) พร้อมๆ กัน ทั้งในตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันอังคาร (27 ต.ค.) ปักหมุดระดมทุน 34,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะกลายเป็นการทำไอพีโอครั้งที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะเดียวกันก็จะทำให้ผู้ถือหุ้นอย่าง แจ็ก หม่า กลายเป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับที่ 11 ของโลก
การทำไอพีโอ ของแอนต์ กรุ๊ป ครั้งนี้ จะทำลายสถิติเดิมของซาอุดี อารัมโก รัฐวิสาหกิจน้ำมันของซาอุดีอาระเบียทซึ่งทำไว้เมื่อระดมทุนได้กว่า 29,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
แอนต์ เริ่มแรกเป็นเจ้าของอาลีเพย์ ซึ่งทำหน้าที่รองรับสนับสนุนกิจการอี-คอมเมิร์ซของอาลีบาบา ได้พัฒนากลายเป็นผู้นำระบบชำระเงินออนไลน์ในจีน ขณะเดียวกัน แอนต์ยังได้ขยายกิจการด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) จนกลายเป็นผู้นำและผู้เล่นรายบิ๊กในแดนมังกรในเรื่องการเงินออนไลน์ ทั้งในด้านการปล่อยเงินกู้, การออกกรมธรรม์ประกันภัย, กองทุนรวม, บริการเกี่ยวกับการเดินทางอย่างเช่นการจองตั๋วเครื่องบินจองห้องพักโรงแรม เป็นต้น
ขณะที่จีนเป็นประเทศซึ่งพวกผู้บริโภคก้าวกระโดดข้ามจากการใช้เงินสด ทว่าเมินพวกเช็ค และบัตรเครดิต ซึ่งนิยมกันในโลกตะวันตก แต่หันมาใช้อุปกรณ์และแอปชำระเงินตลอดจนทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์อย่างกว้างขวางหลายปีแล้ว ดังนั้น แอนต์จึงถูกมองว่าเป็นบริษัทการเงินแห่งอนาคต และนับวันก็จะทิ้งพวกธนาคารและบริษัทการเงินแบบเดิมๆ เอาไว้เบื้องหลัง
ในวันจันทร์ (26) แอนต์แถลงว่า จะนำหุ้นจำนวน 1,670 ล้านหุ้นออกขายในตลาดฮ่องกงในราคาหุ้นละ 80 ดอลลาร์ฮ่องกง (10.30 ดอลลาร์) นับจากวันอังคาร และขายอีก 1,670 ล้านหุ้นในตลาดเซี่ยงไฮ้ในราคาหุ้นละ 68.80 หยวน (10.30 ดอลลาร์) รวมเป็นมูลค่าเกิน 34,000 ล้านดอลลาร์และอาจถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ ถ้านำออปชั่นหุ้นส่วนเกินออกมาขายด้วย
คำแถลงยังระบุว่า หุ้นแอนต์จะเริ่มเทรดในตลาดทั้งสองวันที่ 5 พฤศจิกายน
ยักษ์ใหญ่ฟินเทคและอี-เพย์เมนต์แห่งนี้ยังเผยว่า มีปริมาณธุรกรรมปีละกว่า 118 ล้านล้านหยวน และมีผู้ใช้รายเดือนที่ใช้งานจริงกว่า 700 ล้านคน
การจดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงของแอนต์มีขึ้นหลังจากปักกิ่งเรียกร้องให้ภาคเทคโนโลยีซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของจีน จดทะเบียนในตลาดหุ้นในประเทศขณะที่จีนกำลังขัดแย้งอย่างรุนแรงทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองกับอเมริกา
วันเสาร์ที่ผ่านมา (24) หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างร่วมประชุมบันด์ ซัมมิตที่เซี่ยงไฮ้ว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่การระดมทุนมูลค่าสูงขนาดนี้ ขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ มีการกำหนดราคากันนอกนิวยอร์กซิตี้
“เมื่อ 5 ปีที่แล้วหรือกระทั่ง 3 ปีที่ผ่านมา เราคงไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้”
คาดหมายกันว่า จากการทำไอพีโอครั้งนี้ยังจะส่งให้หม่าขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 11 ของโลกในดัชนีบลูมเบิร์กส์ บิลเลียนแนร์
บลูมเบิร์กระบุว่า หุ้น 8.8% ในแอนต์ที่เป็นของอดีตครูสอนภาษาอังกฤษผู้นี้จะมีมูลค่า 27,400 ล้านดอลลาร์เมื่ออิงกับราคาที่เสนอขาย และทำให้ทรัพย์สินของหม่าเพิ่มเป็น 71,100 ล้านดอลลาร์ มากกว่าแลร์รี เอลลิสันแห่งออราเคิล, ฟรังซัวส์ เบตเตนคอร์ต-เมเยอร์ส ทายาทลอรีอัล และสมาชิกแต่ละคนในครอบครัววัตสันที่เป็นเจ้าของห้างวอลมาร์ทในอเมริกา
นักธุรกิจหมื่นล้านผู้นี้ยังเป็นเพียงผู้ประกอบการที่ขาดแคลนเงินทุนตอนที่มีคนแนะนำให้รู้จักอินเทอร์เน็ตขณะเดินทางไปอเมริกาในทศวรรษ 1990
หลังจากนั้นเขาเปิดตัวธุรกิจมากมายที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตในจีนซึ่งมีทั้งสำเร็จและล้มเหลว ก่อนที่จะโน้มน้าวให้เพื่อนกลุ่มหนึ่งร่วมสมทบทุน 60,000 ดอลลาร์เพื่อก่อตั้งอาลีบาบาในปี 1999
บลูมเบิร์กระบุว่า การทำไอพีโอครั้งนี้จะทำให้มีเศรษฐีพันล้านแจ้งเกิดอีกอย่างน้อย 18 คน อาทิ ลูซี เผิง กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่สุดในแอนต์รองจากหม่า และ อิริก จิง ประธานกรรมการของแอนต์
นอกจากนั้น รายงานของหูรุ่น รีพอร์ตที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังระบุว่า ทรัพย์สินของหม่าเพิ่มขึ้น 45% ในปีนี้ จากการเติบโตของธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ในช่วงเวลาที่ผู้บริโภคต้องกักตัวภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนา
