xs
xsm
sm
md
lg

จีดีพีจีนสวนกระแสฟื้นแรงเกินคาด IMF เตือน ศก.โลกยังไม่พ้นบ่วงไวรัส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ - เศรษฐกิจจีนไตรมาส 2 ฟื้นตัวเกินคาด และมีแววว่าจะเป็นมหาอำนาจชาติเดียวในโลกที่จีดีพีปีนี้อยู่ในแดนบวกตามที่หลายฝ่ายทำนายกันไว้ ขณะเดียวกันทั้งไอเอ็มเอฟและธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตือนว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกยังมีความไม่แน่นอนสูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความเป็นไปได้ที่ไวรัสโคโรนาจะกลับมาระบาดรอบใหม่

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) ปีนี้ของแดนมังกร มีอัตราขยายตัว 3.2% สำนักงานสถิติแห่งชาติ (เอ็นบีเอส) ของจีน แถลงในวันพฤหัสบดี (17 ก.ค.) การเติบโตขนาดนี้นับว่าสูงกว่าการคาดการณ์จากหลายสำนัก และดีขึ้นผิดหูผิดตาจากไตรมาสแรกที่เศรษฐกิจติดลบถึง 6.8% ซึ่งถือเป็นการติดลบครั้งแรกนับจากปี 1992 ที่จีนเริ่มบันทึกข้อมูลจีดีพี

สำหรับจีดีพีของตลอดช่วง 6 เดือนแรก อยู่ในระดับหดตัว 1.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน จีนรายงานด้วยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 4.8% ในเดือนที่ผ่านมา ทว่ายอดขายปลีกซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับขยับลง 1.8% บ่งชี้ว่าจีนยังต้องใช้เวลามากว่านี้กว่าที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวเต็มที่ และสะท้อนว่า คนจีนยังลังเลที่จะออกไปจับจ่ายแม้รัฐบาลควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นส่วนใหญ่แล้วก็ตาม

ข้อมูลเศรษฐกิจจีนนี้ยังไม่สามารถส่งผลกระตุ้นการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียได้ โดยราคาหุ้นทั้งในตลาดเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง ต่างอยู่ในแดนลบตอนปิดตลาดซื้อขายวันพฤหัสบดี

ลุยส์ คูอิจส์ จากออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ชี้ว่า การบริโภคในครัวเรือนยังคงเป็นจุดอ่อนในดัชนีเศรษฐกิจ แม้คาดหมายได้ว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ก็ตาม

นอกจากนั้น นักเศรษฐศาสตร์ยังเตือนว่า การฟื้นตัวของจีนอาจลุ่มๆ ดอนๆ โดยการลงทุนในภาคโครงสร้างพื้นฐานจะกระเตื้องขึ้น แต่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคเอกชนและยอดค้าปลีกยังคงอ่อนแอ

ขณะที่ หลิว อี้ฮัว โฆษกหญิงเอ็นบีเอส แถลงว่า เศรษฐกิจจีนแสดงให้เห็นโมเมนตัมการเติบโตและการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป


ทั้งนี้ จีนได้รับการคาดหมายจากหลายๆ ฝ่าย รวมทั้งในรายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่า อาจเป็นประเทศชั้นนำเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่มีการเติบโตเป็นบวกในปีนี้

กระนั้น ในสถานการณ์ที่วิกฤตโรคระบาดยังสร้างปัญหาให้ประเทศคู่ค้าของจีน จึงมีแนวโน้มว่า การฟื้นตัวของแดนมังกรจะยังอยู่ภายใต้การกดดัน ขณะที่ปักกิ่งก็ต้องจัดการรับมือกับความขัดแย้งรุนแรงกับอเมริกาทั้งด้านการค้า เทคโนโลยี และภูมิรัฐศาสตร์

โรดริโก เคทริล นักยุทธศาสตร์การปริวรรตเงินตราของเอ็นเอบีในซิดนีย์ มองว่า การฟื้นตัวของจีนครั้งนี้เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลที่มุ่งเน้นภาคอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนยังไม่แน่ใจแนวโน้มเศรษฐกิจโดยชี้ถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังพุ่งขึ้นทั่วโลก

ป๋อหยาง ซู นักวิเคราะห์จีนของดักเกอร์ฟรอนเทียร์ในสิงคโปร์ ชี้ว่า แม้การรีสตาร์ทเศรษฐกิจในประเทศชั้นนำหลายแห่งทำให้สถานการณ์ของผู้ส่งออกจีนผ่อนคลายลง แต่การที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลับมาเพิ่มขึ้นในบางประเทศทำให้เกิดคำถามว่า การฟื้นตัวในภาคส่งออกจะยั่งยืนแค่ไหน

ทางด้าน คริสตาลินา จอร์จิวา กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ ออกมาเตือนในวันพฤหัสบดีเช่นเดียวกันว่า เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความท้าทายต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่โควิด-19 จะกลับมาระบาดรอบสอง

ในข้อความที่ส่งถึงบรรดารัฐมนตรีคลังกลุ่ม จี20 ที่จะประชุมแบบเสมือนจริงกันช่วงสุดสัปดาห์นี้ที่ซาอุดีอาระเบีย บิ๊กบอสไอเอ็มเอฟผู้นี้ ระบุว่า แม้กิจกรรมเศรษฐกิจเริ่มเข้มแข็งขึ้นอย่างช้าๆ แต่ยังไม่ถือว่า หลุดพ้นปัญหาแล้วโดยสิ้นเชิง

เมื่อเดือนมิถุนายน ไอเอ็มเอฟได้ลดตัวเลขคาดการณ์จีดีพีโลกปีนี้โดยระบุว่า จะหดตัวถึง 4.9% เนื่องจากการล็อกดาวน์ส่งผลรุนแรงกว่าที่คิด ส่วนปีหน้าคาดว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างจืดชืด

แม้ยอมรับว่า ระดับหนี้ที่สูงขึ้นมากเป็นเรื่องน่ากังวล แต่จอร์จิวาสำทับว่า การยกเลิกนโยบายอัดฉีดเร็วเกินไปอาจมีต้นทุนสูงกว่าการคงการสนับสนุนที่จำเป็นต่อ

นอกจากนั้น เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (15) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกรายงานสรุปการสำรวจภาวะเศรษฐกิจของอเมริกา หรือ เบจบุ๊ก โดยระบุว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯส่งสัญญาณการฟื้นตัวในเดือนมิถุนายน แต่จะยังไม่กลับสู่ระดับก่อนโรคระบาดและแนวโน้มยังไม่แน่นอนอย่างมาก โดยขึ้นอยู่กับว่า วิกฤตโรคระบาดจะยืดเยื้อต่อไปนานแค่ไหนและส่งผลต่อเศรษฐกิจรุนแรงเพียงใด


กำลังโหลดความคิดเห็น