เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ให้ความมั่นใจกับกองเชียร์ที่เบียดเสียดกันฟังปราศรัยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์โคโรนาไวรัสกำลังจะดีขึ้น ซ้ำเยาะเย้ยไบเดนตื่นตูม แม้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วอเมริกาและในทำเนียบขาว ซึ่งรวมถึงผู้ช่วยของเพนซ์ อย่างไรก็ดี รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันไม่กักตัวแต่จะเดินสายหาเสียงต่อ
เมื่อวันเสาร์ (24 ต.ค.) สำนักงานรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่า มาร์ก ชอร์ต หัวหน้าคณะทำงานของรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ตรวจพบติดโควิด-19 และเดวิน โอมอลลีย์ โฆษกของเพนซ์แถลงว่า เพนซ์ได้หารือกับทีมแพทย์ทำเนียบขาวแล้วและจะออกหาเสียงตามปกติโดยปฏิบัติตามแนวทางของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่มีความสำคัญและสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อโควิดจะถูกติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่กับคนอื่น โอมอลลีย์เสริมว่า ผลตรวจโควิดของทั้งเพนซ์และภรรยาคือ คาเรน ออกมาเป็นลบเมื่อวันเสาร์ และทั้งคู่แข็งแรงดี
ซาสเกีย โปเปสคู ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของมหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน วิจารณ์ว่า การตัดสินใจหาเสียงต่อของเพนซ์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อีกทั้งยังอันตรายและไม่คำนึงถึงประชาชนที่ไปฟังการปราศรัย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปด้วย
การเปิดเผยเกี่ยวกับผู้ช่วยเพนซ์มีขึ้นวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต แสดงทัศนคติแตกต่างกันสุดขั้วเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ปลอดภัยในช่วงโรคระบาด
ไบเดนประกาศว่า ไม่อยากเป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” ระหว่างหาเสียงแบบไดรฟ์อินเมื่อวันเสาร์ที่เพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นการพาดพิงถึงงานเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงที่ทรัมป์จัดขึ้นที่โรสการ์เดนในทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนกันยายน และทำให้มีผู้ติดโควิดกว่า 20 คน ขณะที่ทรัมป์ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทหาร 3 วันหลังติดเชื้อด้วยเช่นกัน
ไบเดนตอกย้ำว่า กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างและอันตรายของทรัมป์เกี่ยวกับโรคระบาดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอเมริกาถึง 224,000 คน และกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก
ในวันเดียวกันนั้น ทรัมป์หาเสียงอยู่ที่นอร์ธแคโรไลนา ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามเลือกตั้งสำคัญในศึกชิงทำเนียบขาววันที่ 3 เดือนหน้า ประชดไบเดนว่า เป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดีมากจากการประกาศเตือนอันตรายของโรคระบาด ทั้งยังวิจารณ์สื่อว่า สนใจแต่เรื่องไวรัสต่อหน้าผู้สนับสนุนหลายพันคนที่ร่วมฟังปราศรัยกลางแจ้งในสภาพเบียดเสียดยัดเยียดและส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากาก ทั้งที่อเมริกามีผู้ติดเชื้อกว่า 8 ล้านคน เฉพาะวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ต.ค.) วันเดียวพบเคสใหม่กว่า 83,000 คน ขณะที่โรงพยาบาลในหลายรัฐที่ดูเหมือนห่างไกลจากโควิดเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว กำลังจะไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้อีก
ทรัมป์ที่หายป่วยจากโควิดซึ่งทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่า อเมริกาพยายามมากเกินไปในการป้องกันไวรัส มักย้ำว่า โรงเรียนควรกลับมาเปิดตามปกติ เช่นเดียวกับประชาชนที่แข็งแรงดีก็ควรกลับไปใช้ชีวิตตามปกติภายใต้มาตรการควบคุมแบบจำกัดเท่านั้น
ทรัมป์ยังกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานว่า มีทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดในหมู่โรงพยาบาลต่างๆ ด้วยการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตสูงเกินจริงเพราะจะทำให้แพทย์และโรงพยาบาลได้เงินมากขึ้น
ที่ผ่านมา ทรัมป์มักกล่าวหาไบเดนและสมาชิกพรรคเดโมแครตคนอื่นๆ ที่ผลักดันมาตรการจำกัดต่างๆ ว่า เลวร้ายยิ่งกว่าไวรัสโคโรนาเสียอีก เพราะมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและจำกัดการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจ
ในการให้สัมภาษณ์กับ "พ็อด เซฟ อเมริกา" ที่ออกอากาศเมื่อวันเสาร์ ไบเดนตอบโต้ว่า เป้าหมายแรกของตนคือควบคุมไวรัสให้อยู่หมัด เพราะเศรษฐกิจไม่สามารถไปต่อได้โดยที่ยังจัดการกับโรคร้ายนี้ไม่ได้ และย้ำว่า เขาจะชัตดาวน์ไวรัส ไม่ใช่ชัตดาวน์เศรษฐกิจ