โคลอมเบียในวันเสาร์ (24 ต.ค.) รายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เกิน 1 ล้านคน กลายเป็นประเทศที่ 8 ของโลกที่ก้าวผ่านหลักชัยอันน่าเศร้าดังกล่าว นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคม
กระทรวงสาธารณสุขโคลอมเบีย ระบุว่า ในช่วง 24 ชั่วโมง พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,769 คน ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 1,007,711 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมพุ่งแตะ 30,000 คน
จากข้อมูลดังกล่าว ส่งผลให้โคลอมเบีย ประเทศที่มีประชากรแค่ราวๆ 50 ล้านคน กลายเป็นชาติอันดับ 8 ของโลกที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 1 ล้านคน ต่อจากสหรัฐฯ, อินเดีย, บราซิล, รัสเซีย, อาร์เจนตินา, สเปน และ ฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม ที่งานกิจกรรมหนึ่งในเมืองชินชินนา รัฐกัลดาส ประธานาธิบดีอีวาน ดูเก เน้นย้ำว่า โคลอมเบียมีอัตราการเสียชีวิตต่อจำนวนประชากรค่อนข้างต่ำ หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในแถบละตินอเมริกา
“เราทำได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ แต่ผมไม่ได้จะพูดว่าเรารู้สึกภูมิใจกับมัน ผมพูดถึงเรื่องนี้ก็เพราะว่าเราต้องป้องกันตนเองให้ดีกว่าที่เป็นอยู่” ประธานาธิบดีระบุ
ตามข้อมูลของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ โคลอมเบียรั้งอันดับ 10 ในภูมิภาคในอัตราการเสียชีวิตต่อจำนวนประชากร โดยมีอัตราการเสียชีวิต 561 รายต่อประชากร 1 ล้านคน หรือราวๆครึ่งหนึ่งของเปรู (1,016 คน) และประมาณ 3 ใน 4 ของบราซิล (719 คน)
โคลอมเบียเข้าสู่การล็อกดาวน์ทั่วประเทศในวันที่ 25 มีนาคม จากนั้นก็ผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่กำลังพังครืน และนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นมา โคลอมเบียได้พึ่งพิงความรับผิดชอบส่วนบุคคลเป็นสำคัญ และพบเห็นการสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 อย่างกว้างขวางตามสถานที่สาธารณะต่างๆ
ดูเก บอกว่า เขาได้ระดมทรัพยากรเกือบๆ 11% ของจีดีพี หรือราว 31,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อจัดการกับวิกฤต กระนั้นตัวเลขคนว่างงานตามเมืองต่างๆพุ่งแตะระดับสูงสุงเป็นประวัติการณ์ 19.6% ในเดือนสิงหาคม
เฉพาะในกรุงโบโกตา พบผู้ติดเชื้อมากถึง 308,645 คน หรือคิดเป็นราวๆ 1 ใน 3 ของเคสผู้ติดเชื้อทั้งหมดของประเทศ ทำให้เมืองหลวงแห่งนี้กลายเป็นดินแดนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักหน่วงที่สุด
(ที่มา:เอเอฟพี)