การดีเบตรอบสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับ โจ ไบเดน ในวันพฤหัสบดี (22 ต.ค.) จะมีการนำปุ่มปิดไมโครโฟน (mute) มาใช้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สมัครแต่ละคนแสดงได้วิสัยทัศน์อย่างเต็มที่โดยไม่ถูกขัดจังหวะ และหลีกเลี่ยงบรรยากาศวุ่นวายที่เคยเกิดขึ้นในศึกอภิปรายรอบแรก
ทีมหาเสียงของ ทรัมป์ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการแก้กฎ ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่ ทรัมป์ เองเป็นฝ่ายละเมิดกฎเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้ด้วยการพูดแทรก ไบเดน และผู้ดำเนินรายการหลายต่อหลายครั้ง แต่ถึงกระนั้นฝ่ายรีพับลิกันยืนยันว่าจะยังเข้าร่วมศึกดีเบตในค่ำวันพฤหัสบดีนี้ (22) ซึ่งถือเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่ ทรัมป์ จะได้เข้าถึงกลุ่มผู้ฟังชาวอเมริกันในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ก่อนศึกเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.
คณะกรรมการจัดการอภิปรายของผู้สมัครชิงประธานาธิบดี (Commission on Presidential Debates) ระบุว่า ในการดีเบตซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ไมค์ของแต่ละฝ่ายจะถูกปิดระหว่างที่อีกฝ่ายพูดเปิดตัวเป็นเวลา 2 นาที รวมถึงระหว่างที่สลับกันอภิปรายรอบละ 15 นาที หลังจากนั้นจะมีการเปิดไมค์ทั้งคู่เพื่อให้สนทนาโต้ตอบกัน
“ประธานาธิบดี ทรัมป์ ยังคงตั้งใจที่จะร่วมดีเบตกับ โจ ไบเดน แม้จะมีการเปลี่ยนกฎในนาทีสุดท้ายโดยคณะกรรมการซึ่งลำเอียง และพยายามที่จะสร้างความได้เปรียบให้แก่ผู้สมัครที่พวกเขาชื่นชอบมากกว่า” บิลล์ สเตเปียน ผู้จัดการทีมหาเสียงทรัมป์ ระบุ
ชาวอเมริกันกว่า 30 ล้านคนใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว ซึ่งหมายความว่า ทรัมป์ ยิ่งมีโอกาสน้อยลงที่จะพลิกสถานการณ์ซึ่งตนเองเป็นฝ่ายตามหลัง โจ ไบเดน ในผลโพลระดับชาติ
สำหรับศึกอภิปรายนัดแรกเมื่อวันที่ 29 ก.ย. นั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เนื่องจากผู้นำสหรัฐฯ วัย 74 ปี พยายามพูดแทรก ไบเดน อยู่ตลอดเวลา จนอดีตรองประธานาธิบดีสายเดโมแครตถึงกับต้องตะคอกกลับว่า “หุบปากได้ไหม?”
ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมดีเบตนัดที่ 2 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15 ต.ค. เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่จะต้องอภิปรายในรูปแบบเสมือน (virtual) จากการที่ตัวเขาเองติดโควิด-19
“คุณนั่งดีเบตอยู่หลังคอมพิวเตอร์ มันตลกสิ้นดี และพวกเขาก็มีสิทธิ์ปิดไมค์คุณได้ตลอดเวลาที่ต้องการ” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์บิสสิเนสเมื่อวันที่ 8 ต.ค.
ทีมหาเสียง ทรัมป์ ยังท่าทีไม่พอใจหัวข้ออภิปรายที่กำหนดไว้สำหรับวันพฤหัสบดีนี้ (22) โดยเรียกร้องให้โฟกัสไปที่นโยบายต่างประเทศ ทั้งยังกล่าวหาคณะกรรมการว่าลำเอียงเข้าข้างไบเดน ในขณะที่ทีมหาเสียงของเดโมแครตแย้งว่าทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันแล้วว่าจะอนุญาตให้ผู้ดำเนินรายการเป็นคนกำหนดหัวข้ออภิปราย และชี้ว่า ทรัมป์ จงใจหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงมาตาการรับมือโควิด-19 ทั้งที่ผลสำรวจพบว่าเป็นประเด็นที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงสนใจฟังมากที่สุด
จากการสำรวจของ United States Elections Project โดยมหาวิทยาลัยฟลอริดาพบว่า จำนวนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าในสหรัฐฯ พุ่งสูงกว่า 30.2 ล้านคนเมื่อวันจันทร์ (19) หรือคิดเป็นกว่า 1 ใน 5 ของชาวอเมริกันทั้งหมดที่ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเมื่อปี 2016
ที่มา: รอยเตอร์