ผู้ควบคุมกฎระเบียบรัสเซียอนุมัติวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อ้างอิงจากข้อมูลขึ้นทะเบียนวัคซีน และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แถลงข่าวนี้ด้วยความยินดีระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธ (14 ต.ค.)
วัคซีนตัวนี้พัฒนาโดยสถาบันเวคเตอร์ในไซบีเรีย และเสร็จสิ้นการทดลองกับมนุษย์ในขั้นต้นเมื่อเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยผลลัพธ์ และการทดลองกลุ่มใหญ่ ที่เรียกกันว่าเฟส 3 ยังไม่เริ่มขึ้น
“เราจำเป็นต้องเพิ่มกำลังผลิตวัคซีนตัวแรกและตัวที่ 2” ปูตินกล่าว “เราจะเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรต่างแดน และจะส่งเสริมวัคซีนของเราอย่างกว้างขวาง”
วัคซีนที่ใช้เปปไทด์ หรือโปรตีนเป็นพื้นฐาน นามว่า เอพิวัคโคโรนา (EpiVacCorona) คือวัคซีนตัวที่ 2 ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในรัสเซีย หลังจากมีการทดลองแบบควบคุมด้วยยาหลอกในอาสมาสมัคร 100 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 60 ปีในโนวอสเบียร์ส
ก่อนหน้านี้วัคซีนสปุตนิก-วี (Sputnik V) ซึ่งพัฒนาโดยสถาบันกามาเลยาของมอสโก ได้รับอนุญาตใช้ภายในประเทศเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
วัคซีน สปุตนิก-วี ที่ใช้ไวรัสไวรัสอะดีโนเป็นพาหะ ก็ขึ้นทะเบียนก่อนการทดลองเฟส 3 เช่นกัน และเวลานี้อยู่ระหว่างการทดลองที่มีผู้เข้าร่วม 40,000 คนในมอสโก
การทดลองในมนุษย์กลุ่มใหญ่ของวัคซีนเอพิวัคโคโรนา ดูเหมือนน่าจะเริ่มต้นได้ในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ตามรายงานของสำนักข่าวทาสส์นิสส์ ที่อ้างอิงข้อมูลจากรอสโปเตรบนาดซอร์ (Rospotrebnadzor) หน่วยงานดูแลสิทธิผู้บริโภคและความเป็นอยู่ของรัสเซียเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
คาดหมายว่าการทดลองนี้จะเกี่ยวข้องกับอาสามัคร 30,000 คน โดย 5,000 คนแรกจะเป็นชาวบ้านในไซบีเรีย
กระทรวงสาธารณสุขรัสเซียเปิดเผยว่า ผู้ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโควิด-19 หลายร้อยคน เวลานี้ก็ได้รับวัคซีนของห้องปฏิบัติการกามาเลยาเช่นกัน แต่มันยังไม่ได้มีไว้ใช้กับประชาชนทั่วไป
นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มขึ้น รัสเซียพบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 1,340,000 คน สูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐฯ, อินเดีย และบราซิล อย่างไรก็ตาม พวกเขามีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างต่ำหากเทียบกับหลายประเทศ
(ที่มา : รอยเตอร์)