ยุคสมัยนี้การออกไปข้างนอกโดยไม่สวมหน้ากากมีสิทธิ์ถูกมองว่ามีพฤติกรรมแย่ๆ และในบางพื้นที่ ถึงขั้นผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม นายกเทศมนตรีเมืองแห่งหนึ่งของอิตาลีกลับไม่คิดเช่นนั้น คลอดบทลงโทษปรับเงินบุคคลใดก็ตามที่สวมหน้ากากในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม
ในขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกยืนยันว่าหน้ากากสามาถสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แต่ วิตโคริโอ สการ์บี นายกเทศมนตรีเมืองซูตรี กลับเชื่อมั่นว่าความคิดนอกรีดของเขาจะช่วยหยุดการแพร่ระบาดของโรคจิตเวชที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดใหญ่ ตามรายงานของสำนักข่าวทาสส์นิวส์
จนถึงตอนนี้โรคระบาดใหญ่ ได้แพร่เชื้อสู่ผูุ้คนในอิตาลีเกือบ 275,000 และคร่าชีวิตกว่า 35,000 คน หรือเกือบ 7 เท่าของประชากรทั้งหมดของเมืองซูตรี อย่างไรก็ตาม สการ์บี กลับมองว่าคำสั่งบังคับสวมหน้ากากควรบังคับใช้อย่างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ความปลอดภัยของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง
สการ์บี บอกกับ ทาสส์นิวส์ ว่าเขาได้ออกคำสั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้รับความเห็นขอบจากรัฐบาลอิตาลี กำหนดบทลงโทษปรับเงินบุคคลใดก็ตามที่สวมหน้ากากในสถานการณ์ที่ไม่มีความจำเป็น
“คำสั่งของผมออกประกาศภายใต้กฎหมายป้องกันก่อการร้ายในปัจจุบัน” เขาบอกกับสื่อมวลชนรัสเซีย โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวห้ามประชาชนปิดบังใบหน้ายามอยู่ในสถานที่สาธารณะ และหากผู้ใดฝ่าฝินจะมีโทษจำคุก 1 ถึง 2 ปี และปรับเงินสูงสุด 2,000 ยูโร (ราว 74,000 บาท)
อย่างไรก็ตาม สการ์บี บอกอย่างชัดเจนว่าใครก็ตามที่ละเมิดคำสั่งแบนของเขาจะไม่ถึงขั้นถูกลงโทษสถานหนัก โดยบอกว่าคำสั่งนี้เป็นเพียงคำเตือนถึงประชาชนว่าควรสวมหน้ากากเฉพาะในยามสถานการณ์บังคับเท่านั้น “การสวมหน้าตอนดินเนอร์ มันน่าขันสิ้นดี”
การออกมาสวนทางกระแสโลกของนายกรัฐมนตรีรายนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ใดๆ เคยมีข่าวว่าเขาปฏิเสธความรุนแรงของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยเรียกมันว่าเป็นแค่ “ไข้หวัดเล็กๆ น้อยๆ” และเยาะเย้ยคนอื่นๆ ที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับเค้ารางแห่งวิกฤตด้านสาธารณสุข แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ หลังยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 พุ่งสูง
ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม อิตาลีบังคับสวมหน้ากากตั้งแต่เวลา 18.00-06.00 น. ในทุกๆ สถานที่ที่เปิดต้อนรับสาธารณะ บริเวณที่ไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้
ราว 2 สัปดาห์ก่อน ตำรวจได้ลงโทษบุคคลที่ฝ่าผืนกฎเป็นรายแรกของประเทศ โดยปรับเงินชายวัย 29 ปีคนหนึ่งซึ่งไม่สวมหน้ากาก ในขณะที่ชายรายนี้โต้แย้งว่า “โควิด ไม่มีอยู่จริง”
(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)