รอยเตอร์ – ทรัมป์ปราศรัยต่อหน้าผู้สนับสนุนจากทำเนียบขาว โดยแพทย์ประจำตัวยืนยัน ผู้นำสหรัฐฯ ไม่มีความเสี่ยงแพร่เชื้อให้คนอื่นอีกต่อไป แต่ผู้เชี่ยวชาญท้วงว่า ผู้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและต้องให้ออกซิเจนแบบทรัมป์ ต้องกักตัวนานกว่า 10 วัน และสูงสุด 20 วัน
ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันเสาร์ (10 ต.ค.) หรือหลังจากทรัมป์ปราศรัยผ่านไปแล้ว 7 ชั่วโมงว่า ผลการตรวจไม่พบว่า มีการเพิ่มจำนวนของไวรัสอีกต่อไป ซึ่งเท่ากับว่าทรัมป์ไม่มีความเสี่ยงแพร่เชื้อให้คนอื่น ทั้งนี้ ทำเนียบขาวไม่ได้แสดงความคิดเห็นว่า คำแถลงของคอนลีย์หมายความว่า ผลตรวจหาไวรัสโคโรนาในตัวทรัมป์เป็นลบ
ทรัมป์และคณะบริหารถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการจัดการโรคระบาด รวมทั้งการที่ไม่มีการสวมหน้ากากหรือเว้นระยะห่างทางสังคมภายในทำเนียบขาว ซึ่งทำให้มีผู้ช่วยใกล้ชิดทรัมป์ติดโควิดแล้วอย่างน้อย 11 คน
ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากขึ้นมองว่า การเลือกตั้งในวันที่ 3 เดือนหน้าจะเป็นโอกาสในการให้คะแนนการจัดการวิกฤตไวรัสโคโรนาของทรัมป์
ถึงกระนั้น เมื่อบ่ายวันเสาร์ ทรัมป์ยังคงไม่สวมหน้ากากขณะยืนอยู่ตามลำพังบนระเบียงทำเนียบขาว ซึ่งถือเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกหลังมีการเปิดเผยว่า เขาติดโควิดและถูกนำส่งโรงพยาบาลในวันที่ 2 ก่อนกลับสู่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (5 ต.ค.)
ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ที่มีคะแนนในผลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศ ตามหลังโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนหลายร้อยคนที่มาฟังการปราศรัยซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำและคนเชื้อสายละติน สวมหน้ากาก แต่ไม่เว้นระยะห่างทางสังคม ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายน
ทรัมป์ยังเรียกร้องซ้ำให้รัฐต่างๆ รีสตาร์ทเศรษฐกิจ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทำสถิติสูงสุดในรอบสองเดือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 ต.ค.) โดยผลการวิเคราะห์ของรอยเตอร์พบว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 58,000 คน และจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในแถบมิดเวสต์พุ่งขึ้นทำสถิติติดต่อกันเป็นวันที่ 5
ทั้งนี้ ทรัมป์ที่กระตือรือร้นกลับไปหาเสียงหลังห่างหายมากว่าสัปดาห์ เตรียมเดินทางไปยังรัฐสำคัญคือฟลอริดาในวันจันทร์ (12 ต.ค.) ตามด้วยเพนซิลเวเนียและไอโอวาในวันอังคารและพุธ (13-14 ต.ค.) ตามลำดับ
เขาประกาศต่อผู้สนับสนุนว่า รู้สึกดีมาก อย่างไรก็ตาม แม้น้ำเสียงชัดเจน ไม่แหบพร่าเหมือนในการสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ แต่ทรัมป์ใช้เวลาปราศรัยสั้นกว่าปกติ โดยในระหว่างนั้น เขาโจมตีเดแครตว่า ชูแนวทางสังคมนิยมหรือกระทั่งคอมมิวนิสต์ พร้อมอวดอ้างผลงานการปราบปรามอาชญากรรมและการส่งเสริมเศรษฐกิจของตนเอง
แม้แพทย์ประจำตัวอนุญาตให้ทรัมป์ออกไปพบปะบุคคลอื่นๆ ได้ตามปกติ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์อื่นๆ ติงว่า การตัดสินใจดังกล่าวดูรีบร้อนเกินไป
แพทย์หญิงแซนดี้ เนลสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของโรงพยาบาลแมสซาชูเสตส์ ตั้งข้อสังเกตว่า แนวทางสาธารณสุขสำหรับผู้มีอาการโควิด-19 ไม่รุนแรงคือ ยกเลิกการกักตัวหลังจากเริ่มแสดงอาการ 10 วัน และหลังจากไม่มีไข้นาน 24 ชั่วโมงโดยที่ไม่ได้กินยาลดไข้ แต่สำหรับผู้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและต้องให้ออกซิเจนแบบทรัมป์ ต้องกักตัวนานกว่า 10 วันและสูงสุด 20 วัน
นอกจากนั้น ทำเนียบขาวยังไม่ได้เปิดเผยว่า ผลตรวจโควิด-19 ของทรัมป์ครั้งล่าสุดที่ออกมาเป็นลบคือเมื่อใด แต่จากกรอบเวลาที่มีการเปิดเผยว่า ทรัมป์ติดเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 2 เนลสันระบุว่า เป็นไปได้ที่เมื่อวันที่ 27 กันยายน ระหว่างการโต้วาทีกับไบเดน ทรัมป์ป่วยและมีความสามารถในการแพร่เชื้อโควิดแล้ว
สำหรับไบเดนที่ผลตรวจออกมาเป็นลบทุกครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดในวันเสาร์ อาจปลอดภัย อย่างไรก็ดี เนลสันระบุว่า จะมั่นใจได้เต็มร้อยหลังวันจันทร์
ทีมหาเสียงของไบเดนยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับอาการของทรัมป์ แต่พรรคเดโมแครตและนักวิจารณ์บางคนโจมตีว่า การปราศรัยของทรัมป์เมื่อวันเสาร์อาจทำให้ผู้สนับสนุนติดโควิด ทั้งยังว่า ไม่เหมาะสมในการหาเสียงในอาคารของรัฐบาล
ด้านไบเดนแสดงความหวังว่า ทรัมป์และผู้สนับสนุนจะเว้นระยะห่างทางสังคมและสวมหน้ากาก อย่างไรก็ตาม ทอม แม็กคัลแล็กห์ สมาชิกรีพับลิกันที่ลงสมัครชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ และร่วมฟังการปราศรัยล่าสุดของทรัมป์ บอกว่า เขาไม่กังวลเรื่องติดโควิด และเชื่อมั่นในวิจารณญาณของทรัมป์ในการจัดปราศรัย
แม็กคัลแล็กห์สวมหน้ากากและเว้นระยะห่างจากผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ แต่เผยว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่วัดไข้ก่อนเดินเข้าสู่สนามหญ้าในทำเนียบขาว ขณะที่แหล่งข่าวที่รับรู้การวางแผนจัดงานดังกล่าว เปิดเผยก่อนหน้านั้นว่า ผู้เข้าฟังการปราศรัยจะถูกคัดกรองและวัดไข้
