ชาวฮอนดูรัสหลายร้อยคนก่อตัวเป็นคาราวานมุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ ในวันพุธ (30 ก.ย.) จุดมุ่งหมายคือแสวงหาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในขณะที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) คร่าชีวิตพี่น้องร่วมชาติไปกว่า 2,000 ราย และทำเศรษฐกิจของประเทศในอเมริกากลางแห่งนี้เป็นอัมพาต
ผู้อพยพเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวสะพายกระเป๋าเป้และอุ้มลูกจูงหลานตัวเล็กๆ เดินเท้าออกจากสถานีรถบัสแห่งหนึ่ง ในเมืองซันเปโดร ซูลา ทางภาคเหนือของประเทศ มุ่งหน้าสู่ชายแดนกัวตามาลา ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น
“ฉันออกเดินทางพร้อมสามี และลูกๆ 2 คน ที่นี่ไม่มีงานทำ ไม่มีอะไรให้ทำ และถ้าคุณได้งาน คุณจะได้ค่าจ้างแค่ 100 เลมปิรา (ราว 126 บาท)” ผู้หญิงรายหนึ่งกล่าว
คนกลุ่มเมื่อวันพุธ (30 ก.ย.) ถือเป็นขบวนคาราวานชุดแรกที่เดินทางออกจากฮอนดูรัสในปี 2020 ในขณะที่ประเทศแห่งนี้ประสบกับภาวะเศรษฐกิจดำดิ่งครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อันเข้มงวดนานกว่า 6 เดือน ซึ่งมีเป้าหมายชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ตาม การเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2018 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยสั่งให้ทหารเข้าประจำการตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโก คอยสกัดคลื่นคาราวานผู้อพยพจากอเมริกากลางที่มุุ่งหน้าขึ้นทางเหนือ หวังเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ
ทรัมป์ อ้างเหล่าทหารมีความจำเป็นเพื่อคุ้มกันชายแดนสกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่พวกวิพากษ์วจารณ์มองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเพียงละครทางการเมือง ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งกลางเทอม สมาชิกสภาคองเกรสในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน
(ที่มา : รอยเตอร์)