เอเจนซีส์ – รายงานการสอบสวนจากคณะกรรมาธิการสภาล่างของอเมริกาชี้โศกนาฏกรรมโบอิ้ง 737 แม็กซ์ โหม่งโลกทั้ง 2 ครั้งที่มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 300 คน เป็นผลจากความล้มเหลวอย่างน่าขนลุกของบริษัทโบอิ้งและองค์การบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) พร้อมเรียกร้องให้มีการยกเครื่องระบบควบคุมตรวจสอบอุตสาหกรรมการบินอเมริกาครั้งใหญ่
“การตกของแม็กซ์ไม่ได้เป็นผลจากความล้มเหลว ความผิดพลาดทางเทคนิค หรือการบริหารจัดการเหตุการณ์อย่างผิดพลาด เพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นจุดสูงสุดอันน่าขนลุกของสมมติฐานทางเทคนิคที่ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าของบรรดาวิศวกรของโบอิ้ง การขาดความโปร่งใสในส่วนการบริหารจัดการของบริษัทแห่งนี้ และการกำกับดูแลที่ไม่เพียงพอโดยสิ้นเชิงขององค์การบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ)” รายงานที่คณะกรรมาธิการการขนส่งและโครงสร้างของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ นำออกเผยแพร่เมื่อวันพุธ (16 ก.ย.) ระบุ
รายงานความยาว 239 หน้าฉบับนี้ ซึ่งมาจากการไต่สวนรับฟังปากคำเกี่ยวกับอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737 แมกซ์ ของไลอ้อน แอร์ แห่งอินโดนีเซีย และของเอธิโอเปียน แอร์ไลนส์ ตกในปี 2018 และ 2019 ตามลำดับ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 คนนั้น กำลังทำให้ทั้งโบอิ้งและเอฟเอเอยิ่งถูกเพ่งเล็งมากขึ้น ขณะที่ เอฟเอเอซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับตรวจสอบเรื่องการบิน อยู่ระหว่างการดำเนินกระบวนการที่จำเป็นเกี่ยวกับการให้บริษัทโบอิ้งแก้ไขปรับปรุง 737 แม็กซ์ ก่อนอนุญาตให้เครื่องบินรุ่นนี้ขึ้นบินอีกครั้ง หลังจากถูกระงับการให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว
รายงานที่คณะกรรมาธิการของสภาล่างใช้เวลารวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งสิ้น 18 เดือน ระบุถึงความล้มเหลวหลายประการ ซึ่งรวมถึงความกดดันภายในบริษัทโบอิ้งที่ให้เร่งเปิดตัวแม็กซ์แข่งกับเครื่องบินรุ่นใหม่ของแอร์บัส, “วัฒนธรรมการปกปิด” ที่โบอิ้งมักเก็บงำข้อมูลสำคัญไม่ให้หน่วยงานกำกับตรวจสอบล่วงรู้, และการใช้อิทธิพลอย่างไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอฟเอเอที่ทำให้การกำกับดูแลขาดประสิทธิภาพ
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่มีการวิเคราะห์คือ Maneuvering Characteristics Augmentation System (MCAS) หรือระบบป้องกันการสูญเสียแรงยกที่ถูกมองว่า เป็นตัวการสำคัญทำให้เครื่องบินของไลอ้อนแอร์และเอธิโอเปียน แอร์ไลนส์ตก เนื่องจากระบบมีการเปิดใช้งานเองอย่างอัตโนมัติโดยไม่ถูกต้องและสั่งให้เครื่องปักหัวลงซ้ำๆ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า เกิดจากระบบได้รับข้อมูลจากตัวเซ็นเซอร์เพียงตัวเดียว แถมยังขัดขวางไม่ให้นักบินเข้าควบคุมเครื่อง
รายงานชี้ว่า ระบบนี้มีการออกแบบที่ผิดพลาด ซ้ำโบอิ้งยังไม่ระบุให้ชัดเจนว่า เอ็มแคสเป็นกลไกนิรภัยยามวิกฤต เนื่องจากจะทำให้ถูกตรวจสอบเคร่งครัดยิ่งขึ้น
โบอิ้งยังปิดบังข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระบบนี้ ทั้งกับเอฟเอเอ ลูกค้า และแม้กระทั่งนักบินก็ยังไม่ได้รับแจ้งว่า มีระบบนี้อยู่ใน 737 แม็กซ์
“ทั้งโบอิ้งและเอฟเอเอบ่งชี้ว่า ใบรับรองอนุญาตของ 737 แม็กซ์ นั้นสอดคล้องกับกฎระเบียบของเอฟเอเอ แต่ความจริงก็คือ เครื่องบินรุ่นนี้ประสบอุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 2 ครั้งภายในเวลาไม่ถึง 5 เดือน ซึ่งเป็นหลักฐานชัดเจนว่า ระบบควบคุมตรวจสอบปัจจุบันบกพร่องโดยพื้นฐานและจำเป็นต้องแก้ไข”
อย่างไรก็ดี พวกสมาชิกพรรครีพับลิกันที่อยู่ในคณะกรรมาธิการชุดนี้แสดงการคัดค้านการประเมินนี้ และชี้ว่า ที่ผ่านมาทั้งโบอิ้งและเอฟเอเอได้เปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลายอย่างและยังคงดำเนินการปรับปรุงต่อไป และสำทับว่า ไม่มีข้อความตอนหนึ่งตอนใดในรายงานและการสอบสวนที่สรุปว่า ระบบการออกใบอนุญาตการบินของอเมริกาบกพร่องหรือจำเป็นต้องปฏิรูปโดยรวม
ทางด้านโบอิ้งกล่าวว่า ได้ปรับปรุงกระบวนการมากมายนับจากเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งจัดตั้งองค์กรด้านความปลอดภัยใหม่ และปรับโครงสร้างปฏิบัติการวิศวกรรมเพื่อให้มีการแจ้งข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยต่อผู้บริหารอาวุโส
คำแถลงของโบอิ้งสำทับว่า หากเอฟเอเอและหน่วยงานคุมกฎอื่นๆ พิจารณาเห็นว่า แม็กซ์ปลอดภัยเพียงพอที่จะกลับขึ้นบินได้อีกครั้ง เครื่องบินรุ่นนี้จะถือเป็นหนึ่งในเครื่องบินที่ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดที่สุดในประวัติศาสตร์ และบริษัทเชื่อมั่นในความปลอดภัยของแม็กซ์เต็มร้อย
ส่วนโฆษกของเอฟเอเอแถลงว่า เอฟเอเอมุ่งมั่นในการสานต่อการส่งเสริมความปลอดภัยด้านการบิน และการทำงานร่วมกับคณะกรรมาธิการการขนส่งและโครงสร้างของสภาผู้แทนฯ ในการดำเนินการปรับปรุงตามที่รายงานฉบับนี้ระบุ
