เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - เหลียว มั่น หลง (Liew Mun Leong) ประธานกรรมการบริหารท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังจากที่เกิดกระแสสังคมต่อต้านในคดีปมครอบครัวฟ้องอดีตแม่บ้านชาวอินโดนีเซียออก อ้างขโมยของมีค่าในบ้านมูลค่าร่วม 34,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (24,800 ดอลลาร์) แต่ศาลสูงตัดสินให้ไม่มีความผิด ชี้ ครอบครัวประธานสนามบินมีแรงจูงใจส่งอดีตแม่บ้านเข้าเรือนจำ
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (11 ก.ย.) ว่า ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (10) เหลียว มั่น หลง (Liew Mun Leong) วัย 74 ปี ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทบริหารท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์ เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากศาลสูงสิงคโปร์ออกคำพิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ ปาร์ตี ลียานี (Parti Liyani) อดีตแม่บ้านอินโดนีเซียให้กับครอบครัวเหลียวพ้นผิดในคดีขโมยของมีค่าในบ้านตระกูลเหลียว เมื่อปี 2016 ซึ่งรวมไปถึงกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง เช่น กระเป๋าพราด้า โทรศัพท์ไอโฟน แว่นกันแดดกุชชี นาฬิการาคาแพง และเสื้อผ้า มีมูลค่ารวม 34,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (24,800 ดอลลาร์)
หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์สของสิงคโปร์รายงานว่า วันศุกร์สัปดาห์ที่ผ่านมา (4) ผู้พิพากษา ชาน เส็ง ออน (Chan Seng Onn) ตัดสินให้อดีตแม่บ้านตระกูลเหลียววัย 46 ปี พ้นผิดในข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งเธอมีประวัติการทำงานให้กับตระกูลเหลียวมาตั้งแต่ปี 2007-2016
ซึ่งก่อนหน้าศาลแขวงได้ตัดสินให้เธอมีความผิดใน 4 กระทง คดีลักทรัพย์ พร้อมกับสั่งลงโทษจำคุกในเรือนจำนาน 26 เดือนเมื่อมีนาคม ปี 2019 แต่เธอยืนยันไม่ได้กระทำผิดและเดินหน้าต่อสู้ขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสิงคโปร์ และผู้พิพากษาศาลสูงสิงคโปร์ออกคำสั่งพลิกคำตัดสินของศาลชั้นต้น โดยชี้ว่า ตระกูลเหลียวมีแรงจูงใจในการดำเนินคดีทางกฎหมายต่ออดีตสาวใช้ในบ้านของตัวเอง
โดยมีการค้นพบในชั้นศาลปรากฏว่า ปาร์ตี ลียานี กำลังจะเข้าแจ้งต่อกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ (Ministry of Manpower) ถึงการถูกสั่งให้ทำงานที่ไม่ได้อยู่ในสัญญาว่าจ้างที่ต้องทำความสะอาดแค่เฉพาะบ้านของเหลียวเท่านั้น เพราะเธอกลับถูกออกคำสั่งให้ต้องทำความสะอาดที่บ้าน และสำนักงานของบุตรชายเขาในต่างวาระอีกด้วย ซึ่งขัดกับกฎเกณฑ์ของกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ อ้างอิงจากสื่อบลูมเบิร์ก
ทางผู้พิพากษากล่าวว่า มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่าการแจ้งความดำเนินคดีของเหลียวมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันการกระทำนั้น และมีการสอบปากคำบุตรชายของเหลียวคือ คาร์ล (Karl) ในฐานะพยานคนสำคัญของคดี
การตัดสินวันศุกร์ (4) เกิดขึ้นเกือบ 4 ปี หลังจากเธอถูกอดีตนายจ้างไล่ออกหลังเธอได้รับการว่าจ้างในฐานะแรงงานต่างชาติทำงานในบ้านตระกูลเหลียวเมื่อมีนาคม ปี 2007 ซึ่ง เหลียว มั่น หลง อยู่ในฐานะอดีตนายจ้างของเธอ
ซึ่งในวันที่ 28 ต.ค. ปี 2016 ทางตระกูลเหลียวสงสัยว่า สาวใช้ชาวอินโดนีเซียอาจจะขโมยของใช้มีค่าภายในบ้าน และได้ตัดสินใจไล่เธอออกโดยให้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง ในการเก็บของใช้ส่วนตัวและให้ออกจากบ้านไป แต่เธอได้ร้องขอ คาร์ล บุตรชายเจ้าของบ้านให้จัดหากล่องใบใหญ่ เพื่อที่เธอจะบรรจุสิ่งของเพื่อส่งกลับไปอินโดนีเซียประเทศบ้านเกิด
และในระหว่างการเก็บข้าวของส่วนตัวอยู่นั้น พบว่า แม่บ้านอินโดนีเซียรายนี้ ข่มขู่ที่จะนำเรื่องเข้าแจ้งกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ ถึงการที่เธอถูกสั่งให้ไปทำความสะอาดที่บ้านบุตรชายผู้บริหารท่าอากาศยานชางงี CNA รายงาน
CNA รายงานเพิ่มเติมว่า แต่ก่อนที่กล่อง 2 ใบ จะถูกปิดลงโดยปาร์ตี พบว่า สำนักงานจัดหางานเดินทางมาถึง และบอกให้เธอออกไป โดยกล่าวว่า เวลาหมดแล้ว คนขับรถที่ทำงานให้กับตระกูลเหลียวเป็นผู้ปิดกล่อง 2 ใบนั้นแทน
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ลาออกของเหลียว เขากล่าวว่า “เขาไม่ต้องการให้สถานการณ์ที่เกิดกับเขาทำให้เกิดความสับสน” พร้อมเสริมว่า นอกเหนือจากการลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการสนามบินชางงีแล้ว เขาตั้งใจจะลาออกจากตำแหน่งที่นั่งอยู่ในอีกหลายบริษัท รวมไปถึงกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์