เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันในวันพฤหัสบดี (10 ก.ย.) ว่า เขาไม่เคยโกหกประชาชนอเมริกาเกี่ยวกับอันตรายของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังหนังสือใหม่ของนักข่าวคนดัง บ็อบ วูดเวิร์ด ทิ้งระเบิดแฉว่าเขาจงใจมุ่งลดทอนอันตรายของวิกฤตไวรัสนี้ให้ดูเบาที่สุด
ตามหนังสือเล่มล่าสุดที่ใช้ชื่อเรื่องว่า “Rage” และมีกำหนดวางจำหน่ายวันอังคารหน้า (15) ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับ วูดเวิร์ด ยอมรับว่า จงใจมุ่งลดทอนอันตรายของของโรคระบาดใหญ่ต่อสาธารณะ ในขณะที่เขาเองรู้ดีถึงความร้ายแรงที่ไม่เหมือนโรคร้ายไหนๆของโควิด-19 ซึ่งการออกมายอมรับครั้งนี้ โหมกระพือความกังวล ไม่ถึง 8 สัปดาห์ก่อนถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดี
ทรัมป์ ได้เปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวอย่างเร่งรีบในวันพฤหัสบดี (10 ก.ย.) และกล่าวว่า “ทำไมผมต้องโกหกประชาชนชาวอเมริกา?” ทรัมป์ตอบ “ผมไม่ได้โกหก”
ผู้นำจากรีพับลิกันรายนี้ ซึ่งมีคะแนนนิยมตามหลัง โจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในโพลต่างๆ และกำลังเผชิญเสียงผิดหวังจากประชาชนชาวอเมริกาอย่างท่วมท้น ต่อแนวทางรับมือกับวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของเขา ยืนยันว่า ที่เขาลดทอนอันตรายของวิกฤตนี้ต่อสาธารณะ ก็เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก
“ผมคิดว่า เราทำงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม” ทรัมป์กล่าว “ผมไม่ต้องการกระโดดไปมา แล้วตะโกนว่า ตาย!ตาย!”
ในวันพุธ (9 ก.ย.) หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ที่วูดเวิร์ดยังคงรับหน้าที่เป็นรองบรรณาธิการ ได้นำเนื้อหาบางตอนของหนังสือ “Rage” มาเผยแพร่ เช่นเดียวกับโทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็น โดยนอกจากเรื่องไวรัสแล้ว ในหนังสือเล่มนี้ยังมีเนื้อหาครอบคลุมถึงประเด็นความไม่สงบจากปัญหาด้านเชื้อชาติสีผิว นโยบายการทูตกับเกาหลีเหนือ ตลอดจนประเด็นอื่นๆ จำนวนหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
แต่ประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ คำสัมภาษณ์ของทรัมป์เกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตอเมริกันชนไปเกือบ 200,000 คน โดยวูดเวิร์ดเขียนเอาไว้ว่า “ทรัมป์ดูเหมือนไม่เคยเต็มใจระดมทรัพยากรของรัฐบาลกลางอย่างเต็มที่เพื่อมารับมือกับเรื่องนี้ แต่ผลักภาระให้แต่ละรัฐจัดการกันเองมาโดยตลอด” พร้อมกับบอกอีกว่าคณะบริหารไม่เคยมีทฤษฎีการบริหารจัดการกับวิกฤตนี้เลย รวมทั้งไม่ได้มีวิธีจัดระเบียบองค์กรขนาดใหญ่เพื่อจัดการกับหนึ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ซับซ้อนที่สุดที่อเมริกาเคยเผชิญมา
หนังสือเล่มนี้ใช้ข้อมูลหลายส่วนจากการที่ทรัมป์ยินยอมให้วูดเวิร์ดสัมภาษณ์ซักถามเป็นการภายในรวม 18 ครั้ง ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ถึงเดือนกรกฎาคมปีนี้ โดยที่วูดเวิร์ดได้บันทึกเสียงการสัมภาษณ์เหล่านี้เอาไว้ และนำออกมาเผยแพร่พร้อมๆ กับการเปิดตัวประชาสัมพันธ์หนังสือด้วย
ระหว่างการสนทนากับวูดเวิร์ดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ทรัมป์พูดถึงไวรัสนี้ว่า “คุณเพียงแค่หายใจเอาอากาศเข้าไป นี่แหละวิธีที่มันติดต่อแพร่เชื้อล่ะ ดังนั้น มันจึงเป็นไวรัสที่เหลี่ยมจัดมากๆ เป็นไวรัสที่ซับซ้อนมากๆ แล้วมันยังมีอันตรายอย่างมหันต์ยิ่งเสียกว่าพวกไข้หวัดใหญ่ร้ายกาจของคุณอีก” แต่ในอีก 3 วันต่อมา ระหว่างที่เขาให้สัมภาษณ์ทีวี ฟอกซ์ บิสซิเนส ทรัมป์กลับใช้คำพูดที่มองโลกสดใสแบบหนังคนละม้วน “ผมคิดว่าไวรัสนี้กำลังจะ-มันกำลังจะหายไป”
ในวันพุธ (9 ก.ย.) ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ออกมาโจมตีทรัมป์ว่า หนังสือของวูดเวิร์ดฟ้องว่า ทรัมป์โกหกคนอเมริกัน เพราะรู้ดีแต่กลับปกปิดอันตรายของโควิด-19 มาเป็นเดือนๆ ซึ่งเข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่และมีผลกระทบต่อความเป็นความตายของประชาชน
ด้านทรัมป์แถลงจากทำเนียบขาว ยอมรับว่า ทำแบบนั้นจริงเพราะไม่ต้องการให้ประชาชนเป็นทุกข์และตื่นตระหนก รวมถึงพยายามป้องกันไม่ให้สินค้าจำเป็นต่างๆ ขึ้นราคา
“ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่าผมเป็นเชียร์ลีดเดอร์สำหรับประเทศนี้ ผมรักประเทศของเราและผมไม่ต้องการให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว ผมไม่ต้องการทำให้เกิดความตื่นตระหนก” ทรัมป์บอกกพับพวกผู้สื่อข่าว “แน่นอนทีเดียว ผมจะไม่ขับดันประเทศนี้หรือโลกนี้ให้เข้าสู่ความคลุ้มคลั่ง เราต้องการที่จะแสดงให้เห็นความเชื่อมั่น เราต้องการที่จะแสดงให้เห็นความเข้มแข็ง”
ปกติแล้ว ทรัมป์ มักตอบโต้เสียงวิพาษ์วิจารณ์ด้วยการกล่าวโทษสิ่งที่เขาเรียกว่า “ข่าวปลอม” พร้อมอ้างว่า แหล่งข่าวผูุ้ไม่ประสงค์เอ่ยนามซึ่งมักใช้กันในรายงานข่าวทำเนียบขาว ว่าไม่มีอยู่จริง แต่วิธีการดังกล่าวใช้ไม่ได้ผลกับ “Rage” เนื่องจากเรื่องเปิดโปงสุดช็อกในหนังสือฉบับนี้ ส่วนใหญ่แล้วมาจากปากตัวของประธานาธิบดีเอง และ วูดเวิร์ด เพียงแค่เป็นคนเผยแพร่บันทึกการสนทนาเท่านั้น
(ที่มา:เอเอฟพี)