จีนกับอินเดียต่างกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่ายิงปืนนัดแรก ที่บริเวณชายแดนเทือกเขาหิมาลัย เป็นการเพิ่มความตึงเครียดให้แก่สถานการณ์ประจันหน้ากันระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองซึ่งยืดเยื้อมาเป็นแรมเดือน และได้คร่าชีวิตทหารไปอย่างน้อย 20 คนแล้ว
ฝ่ายจีนแถลงในวันอังคาร (8 ก.ย.) ว่าทหารของตนได้ใช้ “มาตรการตอบโต้” ภายหลังทหารอินเดียเปิดฉากยิงปืน ในบริเวณพื้นที่เทือกเขาสูงในแคว้นลาดัค ซึ่งสองฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์ช่วงชิงกันอยู่
ตามคำแถลงของกระทรวงกลาโหมจีน อินเดียมีความผิดฐาน “ทำการยั่วยุทางทหารอย่างร้ายแรง” เมื่อวันจันทร์ (7) หลังจากทหารของฝ่ายนั้นข้ามเส้นแบ่งพรมแดนชั่วคราวในบริเวณเขตพรมแดนด้านตะวันตกของลาดัค แล้ว “เปิดฉากยิงปืน” ขึ้นมา
ทางด้านอินเดียได้จัดการแถลงตอบโต้อย่างรวดเร็ว ด้วยการกล่าวหากองทหารชายแดนของจีนว่า “กำลังละเมิดข้อตกลงต่างๆ อย่างโจ่งแจ้ง” และยิงปืน “สองสามนัดขึ้นฟ้า” เพื่อข่มขู่คุกคามฝ่ายอินเดีย
“แต่ถึงแม้ถูกข่มขู่คุกคามอย่างร้ายแรง กองทหารของเราก็ยังคงแสดงออกซึ่งความอดกลั้นอย่างใหญ่หลวง และประพฤติตนอยู่ในมารยาทของผู้ที่โตเต็มที่และมีความรับผิดชอบ” กองทัพอินเดียระบุในคำแถลงของตน
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการยืนยันว่า เกิดการยิงปืนในบริเวณพรมแดนซึ่งพิพาทช่วงชิงกันอยู่นี้ในรอบระยะเวลาหลายสิบปี โดยที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำข้อตกลงกันเอาไว้ด้วยเมื่อปี 1996 ที่จะไม่ใช้ปืนและวัตถุระเบิดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ความรุนแรงในพื้นที่ห่างไกลโพ้นนี้ยิ่งบานปลาย
ความสัมพันธ์ระหว่างชาติเพื่อนบ้านทั้งสองดำดิ่งลงอย่างแรง ภายหลังเกิดกรณีปะทะกันเมื่อเดือนมิถุนายนในพื้นที่ซึ่งช่วงชิงกันอยู่นี้ โดยที่ทางฝ่ายอินเดียยอมรับว่าทหารฝ่ายตนถูกสังหารไป 20 คน ส่วนฝ่ายจีนแม้ยอมรับว่าได้รับความเสียหายด้านกำลังพลเหมือนกัน ทว่าไม่ได้เปิดเผยตัวเลขใดๆ
สำหรับเหตุการณ์ในวันจันทร์ (7) โฆษกของกองทัพจีนไม่ได้ให้รายละเอียดเจาะจงว่าทางฝ่ายแดนมังกรทำอะไรบ้างในสิ่งที่เรียกว่า “มาตรการตอบโต้” รวมทั้งไม่ได้ระบุว่ามีผู้บาดเจ็บล้มตาย ทว่าเรียกร้องให้ฝ่ายอินเดียสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ปัจจุบันมีทหารจำนวนหลายหมื่นคนจากทั้งสองฝ่ายถูกส่งไปประจำการยังพรมแดนเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งอยู่ในระดับความสูงมากวก่า 4,000 เมตร
ประเทศทั้งสองได้เคยสู้รบทำสงครามบริเวณชายแดนกันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในปี 1962 แต่ไม่ได้มีการยิงปืนในพื้นที่แถบนี้อีกเลยนับตั้งแต่แหตุการณ์ปี 1975 ซึ่งมีทหารอินเดีย 4 คนเสียชีวิตจากการถูกซุ่มตี
เนื่องจากพรมแดนตรงนี้ไม่ได้เคยมีการทำความตกลงปักปันยอมรับกันอย่างเป็นทางการ เวลาเดียวกันระดับความสูงชันของพื้นที่ก็มักก่อให้เกิดความงุนงงสับสน ดังนั้นการปฏิบัติที่ยึดถือกันมาหลายสิบปีก็คือทั้งสองฝ่ายจะไม่ใช้อาวุธปืนและวัตถุระเบิด
กระนั้น ก็เกิดการปะทะกันซึ่งบางครั้งก็รุนแรง อย่างคราวที่เกิดขึ้นในเขตดาลัคเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งมีรายงานว่ามีการต่อสู้กันทั้งด้วยหมัดเท้าและอาวุธทำเองอย่างเช่นไม้กระบองติดตะปูแหลมๆ
นับแต่นั้นมา ทั้งสองฝ่ายต่างส่งกำลังเสริมเพิ่มเข้าไป โดยที่มีรายงานว่ากองทัพอินเดียยังได้เปลี่ยนแปลงกฎการปะทะสู้รบของตน ด้วยการอนุญาตให้ทหารถือปืนได้
รัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศได้พบปะหารือกันในกรุงมอสโกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทว่าจากคำแถลงที่เผยแพร่ออกมาบ่งบอกว่า จีนกับอินเดียยังคงห่างไกลจากการรอมชอมกัน
ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์นี้ ทางรัฐมนตรีของอินเดียผู้หนึ่งแถลงว่า แดนภารตะได้แจ้งแก่ฝ่ายจีนว่า มีชาย 5 คนถูกลักพาตัวไปโดยกองทัพจีนในบริเวณชายแดนที่เกิดการพิพาทกันนี้
(ที่มา: เอเอฟพี, บีบีซีนิวส์)