รอยเตอร์/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันและทองคำในวันอังคาร (1 ก.ย.) ปรับขึ้นเล็กน้อย ได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว เพิ่มแนวโน้มสำหรับอุปสงค์ในอนาคต ปัจจัยนี้ประกอบกับความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในวอชิงตัน ช่วยดันวอลล์สตรีทปิดบวก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 15 เซ็นต์ ปิดที่ 42.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 30 เซ็นต์ ปิดที่ 45.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 56.0% ในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน จากระดับ 54.2% ในเดือนกรกฎาคม
ข้อมูลภาคการผลิตที่ดีเกินคาดหมาย ช่วยดันราคาทองคำในวันอังคาร (1 ก.ย.) ปิดบวกในกรอบแคบๆ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ ปิดที่ 1,978.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (1 ก.ย.) ปิดบวกแข็งแกร่ง โดยแนสแดคและเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดรอบใหม่ ได้แรงหนุนจากลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจอเมริกา และความคืบหน้าในการเจรจาแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจในวอชิงตัน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 215.61 จุด (0.76 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 28,645.66 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 26.34 จุด (0.75 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,526.65 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 164.21 จุด (1.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,939.67 จุด
สตีฟ มนูชิน รัฐมตรีคลังสหรัฐฯ บอกว่าเขาจะพูดคุยทางโทรศัพท์กับ แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับการเจรจามาตรการเยียวยาผลกระทบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่หยุดนิ่ง หลังจากนี้ในวันอังคาร (1 ก.ย.) ขณะที่ มาร์ค มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว คาดหมายว่าบรรดาวุฒิสมาชิกรีพับลิกันจะนำร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 เข้าสู่การพิจารณาได้ตามเป้าหมายในสัปดาห์หน้า
ความคืบหน้าดังกล่าวมีขึ้นหลังจากดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯของสถาบันจัดการด้านอุปทาน เพิ่มขึ้นเป็น 56.0% ในเดือนสิงหาคม สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2018 ตัวเลขนี้ถูกเผยแพร่ออกมาตามผลังผลสำรวจภาคการผลิตที่น่าพึงพอใจจากจีนและยุโรป ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของสถาบันจัดการด้านอุปทาน พบว่าการจ้างงานยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ สนับสนุนมุมมองที่ว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานกำลังอ่อนแรง ทำให้นักลงทุนจึงจับตาอย่างยิ่งต่อข้อมูลการจ้างงานรายเดือนของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์ (4 ก.ย.)