เอเจนซีส์ - จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งทะลุ 5 ล้านคนเมื่อวันอาทิตย์ (9 ส.ค.) ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกโจมตีว่าละเมิดรัฐธรรมนูญจากการใช้อำนาจฝ่ายบริหารสั่งขยายมาตรการเยียวยาโควิด-19 ส่วนบราซิลซึ่งติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลกมีผู้ป่วยสะสมเกินกว่า 3 ล้านคนแล้ว
จากฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เช้าวันนี้ (10) ตามเวลาในไทย จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 5.04 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 162,000 คน ขณะที่บราซิลกลายเป็นประเทศที่ 2 ของโลกซึ่งมียอดผู้เสียชีวิตเกิน 100,000 คน และมีผู้ป่วยสะสม 3.03 ล้านคน
ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกขณะนี้ไม่ต่ำกว่า 729,000 คน ส่วนสถิติผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการใกล้จะแตะ 20 ล้าน ซึ่งอาจเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริง
แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า แพกเกจเยียวยาไวรัสที่ ทรัมป์ ใช้อำนาจบริหารประกาศเมื่อวันเสาร์ (8) ทั้งที่รัฐสภายังตกลงกันไมได้ “เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างไร้เหตุผล” ขณะที่ ชัค ชูเมอร์ แกนนำ ส.ว.เดโมแครตเสียงข้างน้อยบอกกับสื่อเอบีซีว่า มาตรการฝ่ายเดียวของทรัมป์นั้น “ปฏิบัติไม่ได้จริง, อ่อนแอ และคับแคบเกินไป”
คำสั่งบริหารซึ่ง ทรัมป์ ลงนามที่สนามกอล์ฟส่วนตัวในเมืองเบดมินสเตอร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ เมื่อวันเสาร์ (8) ครอบคลุมการลดภาษีเงินเดือน, คงการระงับการฟ้องขับไล่ผู้เช่า, ลดภาระเงินกู้เรียนของนักศึกษา และจ่ายเงินเยียวยา 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ให้แก่ชาวอเมริกันที่ตกงาน ซึ่งลดลงจากเดิมที่เคยจ่ายให้สัปดาห์ละ 600 ดอลลาร์
ทรัมป์ พยายามแสดงตนเป็นผู้นำที่กล้าตัดสินใจก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. ท่ามกลางผลโพลต่างๆ ที่บ่งชี้ว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ปลื้มแนวทางรับมือวิกฤตโรคระบาดของเขา
พรรคเดโมแครตชี้ว่าคำสั่งบริหารของทรัมป์ เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญซึ่งให้อำนาจแก่สภาคองเกรสในการอนุมัติงบประมาณสาธารณะ แต่ถึงกระนั้น เพโลซี ก็อ้ำอึ้งไม่ฟันธงว่าจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อคัดค้านคำสั่งเหล่านี้หรือไม่
สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (9) ว่า ทรัมป์ “มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ชาวอเมริกันผู้ขยันขันแข็งและภาคธุรกิจต่างๆ มีทรัพยากรที่จำเป็นมากพอสำหรับการเปิดเศรษฐกิจอย่างปลอดภัย” ในขณะที่ โจ ไบเดน ผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต ทวีตข้อความว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ 5 ล้านคนในอเมริกาเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดใจ “และสถานการณ์ไม่ควรจะเลวร้ายถึงขั้นนี้”
ขณะเดียวกัน ทางการกรุงปารีสเริ่มออกกฎบังคับให้ประชาชนที่อายุตั้งแต่ 11 ปีขึ้นไปต้องสวมหน้ากากอนามัยภายนอกอาคาร และตามสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ริมแม่น้ำแซนและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ตั้งแต่วันนี้ (10)
สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นในยุโรปตะวันตกทำให้คนจำนวนมากเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนตามชายหาดต่างๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ แม้จะมีประกาศเตือนจากทางการถึงความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโควิด-19 ก็ตาม
หน่วยงานท้องถิ่นเยอรมนีระบุว่าอาจจะต้องมีการสั่งปิดหาดหรือทะเลสาบบางแห่ง หากจำนวนนักท่องเที่ยวหนาแน่นเกินไป