รอยเตอร์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในบราซิลคาดว่าจะพุ่งทะลุ 100,000 ราย ในวันเสาร์ (8) และจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่แทบทุกเมืองในบราซิลเริ่มเปิดร้านค้าและร้านอาหารใหม่อีกครั้ง แม้ว่าการแพร่ระบาดจะยังไม่ถึงจุดสูงสุดก็ตาม
ขณะเผชิญหน้ากับโรคระบาดรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ไข้หวัดสเปนเมื่อร้อยปีที่แล้ว บราซิลรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายแรกเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ เชื้อไวรัสใช้เวลาเพียง 3 เดือน เพื่อคร่าชีวิตคน 50,000 ราย และใช้เพียง 50 วันเพื่อคร่าอีก 50,000 ชีวิตต่อมา
ด้วยการชี้นำของประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ซึ่งไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการแพร่ระบาดนี้ และต่อต้านการปิดเมืองของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ชาวบราซิลหลายคนซึ่งประท้วงผ่านหน้าต่างบ้านของพวกเขาทุกคืนในช่วงการแพร่ระบาดเดือนแรกๆ เผชิญหน้าวิกฤตร้ายแรงนี้ด้วยความไม่แยแส
“เราควรอยู่อย่างสิ้นหวัง เพราะนี่เป็นโศกนาฎกรรมไม่ต่างกับสงครามโลก แต่บราซิลอยู่ภายใต้ความด้านชาเหมือนกันหมด” ดร.โฆเซ ดาวี เออร์บีซ สมาชิกอาวุโสของสมาคมโรคติดต่อ
เขาและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขคนอื่นๆ ออกมาเตือนว่า บราซิลยังไม่มีแผนประสานงานเพื่อต่อสู้การแพร่ระบาด ขณะที่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่สนใจแต่การ “เปิดเมืองใหม่” ซึ่งน่าจะทำให้การแพร่ระบาดยิ่งเลวร้ายลงอีก
รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสองคน ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์ทั้งคู่ลาออก เนื่องจากความเห็นไม่ตรงกันกับโบลโซนารู รัฐมนตรีรักษาการเป็นนายพลกองทัพบกที่ไม่สนใจหลักเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามีความจำเป็น แต่ประธานาธิบดีคัดค้าน
โบลโซนารู ซึ่งบอกว่าโควิด-19 เป็น “ไข้หวัดธรรมดา” กล่าวว่า เขาหายดีจากการติดเชื้อแล้ว เนื่องจากไฮดร็อกซีคลอโรควิน (Hydroxychloroquine) ยาต้านมาลาเรียที่ยังคงไม่มีข้อพิสูจน์การต้านเชื้อไวรัสโคโรนา