รอยเตอร์ - ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐฯพุ่งเกิน 150,000 คนแล้ว ในวันพุธ (29 ก.ค.) จากการนับของรอยเตอร์ สูงกว่าทุกประเทศ และคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก
ในบรรดา 20 ชาติที่มีการแพร่ระบาดหนักหน่วงที่สุด สหรัฐฯรั้งอันดับ 6 ของโลก ในอัตราการเสียชีวิตต่อจำนวนประชากร คือเป็น 4.5 รายต่อประชากร 10,000 คน เป็นรองเพียงสหราชอาณาจักร, สเปน, อิตาลี, เปรู และชิลี
จำนวนผู้เสียชีวิตที่พุ่งเกิน 150,000 คนของสหรัฐฯ คิดเป็นเกือบ 23% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก 660,997 คน แต่ที่น่ากังวล ก็คือ พบผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นถึง 10,000 คน แค่ในช่วง 11 วันที่ผ่านมา ถือเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน
รัฐฟลอริดารายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายวัน ทุบสถิติสูงสุด 2 วันติดในวันพุธ (29 ก.ค.) หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 217 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
อัตราการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวดเร็วยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯพุ่งผ่าน 100,000 คนเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม
เวลานี้ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของสหรัฐฯได้ย้ายจากพื้นที่รอบๆนิวยอร์ก สู่ภาคใต้และภาคตะวันตกของประเทศ แม้ว่านิวยอร์ก ยังคงเป็นรัฐที่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตมากที่สุดในสหรัฐฯ ด้วยจำนวนกว่า 32,000 ราย
เมื่อวันอังคาร (28 ก.ค.) รัฐอาร์คันซอ, แคลิฟอร์เนีย, ฟลอริดา, มอนแทนา, ออริกอน และ เทกซัส ต่างรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น
จำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นกัดเซาะความหวังที่ว่าประเทศแห่งนี้ได้ก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจอันเลวร้ายไปแล้ว ในวิกฤตที่พบเห็นธุรกิจจำนวนมากต้องล่มสลายและทำชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องตกงาน
พวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุมานานหลายเดือนแล้วว่าการแพร่ระบาดในสหรัฐฯสามารถควบคุมได้ หากว่าทุกคนปฏิบัติตามคำแนะนำด้านการเว้นระยะห่างทางสังคมและสวมหน้ากากในที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวกลายเป็นประเด็นร้อนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมือง หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเบื้องต้นปฏิเสธความร้ายแรงของโรคระบาดใหญ่ หลังพบเคสผู้ติดเชื้อรายแรกในสหรัฐฯในเดือนมกราคม ปฏิเสธสวมหน้ากาก และไม่ยอมออกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากทั่วประเทศ
กระนั้นเมื่อเร็วๆ นี้ ทรัมป์กลับลำหันมาสนับสนุนให้ประชาชนสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
ด้วยอีกไม่กี่วันโรงเรียนต่างๆ ในบางรัฐจะถึงกำหนดกลับมาเปิดการเรียนการสอน รัฐบาลของทรัมป์พยายามผลักดันให้นักเรียนกลับสู่ชั้นเรียน แต่ทางคณะครูและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบางส่วน เรียกร้องให้เดินหน้าการเรียนการสอนแบบออนไลน์ต่อไป
สถาบันเพื่อการชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพ (IHME) แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ซึ่งการคาดการณ์ของสถาบันแห่งนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากคณะผู้กำหนดนโยบายต่างๆ ในนั้นรวมถึงทำเนียบขาว ได้ประมาณการเมื่อเดือนมีนาคม ว่าโรคระบาดใหญ่จะคร่าชีวิตอเมริกันชนมากกว่า 81,000 คน ในเดือนกรกฎาคม
แต่หลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในเดือนมิถุนายน ในถ้อยแถลงล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ทาง IHME ได้ปรับตัวเลขประมาณการใหม่ โดยคาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ จะพุ่งเกิน 224,000 คนในวันที่ 1 พฤศจิกายน
อย่างไรก็ตาม ทาง IHME บอกว่า ตัวเลขยังคงเปลี่ยนแปลงได้ “มีการสวมหน้ากากมากขึ้น แต่ไม่สูงเท่าที่ควรจะเป็น ถ้า 95% ของอเมริกันชนสวมหน้ากากทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน อัตราการติดเชื้อจะลดลง จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจะลดลง และตัวเลขคาดการณ์ก็จะลดลง”