เอเอฟพี - นักเคลื่อนไหวฝักใฝ่ประชาธิปไตยรายหนึ่งในฮ่องกง เปิดเผยในวันอังคาร (28 ก.ค.) ว่า เขาถูกมหาวิทยาลัยไล่ออก หลังติดคุกฐานเข้าร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ความเคลื่อนไหวที่ได้รับการยกย่องจากสำนักงานจีนประจำเขตปกครองพิเศษแห่งนี้
เบนนีย์ ไถ้ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายวัย 56 ปี คร่ำครวญกรณีที่ถูกมหาวิทยาลัยฮ่องกงไล่ออก และกล่าวหาพวกผู้บริหารด้านการศึกษา ยอมอ่อนข้อให้แก่แรงกดดันทางการเมืองจากปักกิ่ง
“มันเป็นจุดจบของเสรีภาพทางวิชาการในฮ่องกง” เขาเขียนบนเฟซบุ๊ก “บรรดานักวิชาการในสถาบันการศึกษาต่างๆ ในฮ่องกงไม่เสรีภาพเผยแพร่ข้อความในประเด็นถกเถียงต่อสาธารณะอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นประเด็นถกเถียงทางการเมืองหรือทางสังคม” เขากล่าว
สำนักประสานงาน ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลปักกิ่งในฮ่องกง เผยแพร่ถ้อยแถลงเรียกนายไถ้ ว่า เป็น “ปีศาจ” และแสดงความยินดีที่ทางมหาวิทยาลัยมีคำสั่งไล่ออก “การตัดสินใจไล่อออกนายไถ้ของมหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกง เป็นความเคลื่อนไหวที่ลงโทษปีศาจและเชิดชูหลักศีลธรรม”
นายไถ้เป็นหนึ่งในแกนนำภายในขบวนการเคลื่อนไหวฝักใฝ่ประชาธิปไตยของฮ่องกง โดยเขาถูกจำคุกเมื่อปีที่แล้ว โทษฐานมีความเกี่ยวข้องกับการประท้วงฝักใฝ่ประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในปี 2014 ที่ทำให้หลายพื้นที่ของเมืองตกอยู่ในภาวะแน่นิ่งนานหลายสัปดาห์
รัฐบาลจีนออกถ้อยแถลงโจมตีศาสตราจารย์ด้านกฎหมายรายนี้อย่างเผ็ดร้อนบ่อยครั้ง ขณะที่สื่อมวลชนแห่งรัฐก็เคยเรียกเขาว่าเป็น “ผู้สร้างปัญหาสายฮาร์ดคอร์” ที่สมคบคิดกับกองกำลังต่างชาติ
ทางมหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกงไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับการไล่ออก แต่ก่อนหน้านี้ ทางคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้เปิดการสอบสวนทางวินัยนายไถ้ หลังถูกจำคุกนาน 16 เดือนและพ้นโทษเมื่อปีที่แล้ว
สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า สมาชิก 18 รายของคณะกรรมาธิการลงมติถอดเขาออกจากหน้าที่ และมีเพียงแค่ 2 คนที่คัดค้าน
ฮ่องกงสถาบันการศึกษาหลายแห่งที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยดีที่สุดของเอเชีย ส่วนหนึ่งจากการปกป้องสิทธิเสรีภาพการแสดงออก จุดยืนที่ไม่อาจพบเห็นได้ในจีนแผ่นดินใหญ่
อย่างไรก็ตาม ปักกิ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าปรารถนายกเครื่องการศึกษาตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าต้องเป็นผู้รับผิดชอบบางส่วนต่อเหตุประท้วงใหญ่เรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งปะทุขึ้นเมื่อปีที่แล้วและบ่อยครั้งเลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง
จีนเรียกร้องให้เพิ่มการศึกษาด้านความรักชาติ แลบังคับกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่บนเกาะฮ่องกง ซึ่งกำหนดให้มุมมองทางการเมืองบางอย่างเป็นความผิดทางอาญา ในนั้นรวมถึงการเรียกร้องขอเป็นเอกราชหรือขออำนาจปกครองตนเองมากขึ้น