รอยเตอร์ - วัคซีนรักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของบริษัท โมเดอร์นา อิงค์ อาจเปิดตัวได้ในช่วงปลายปีนี้ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯในวันจันทร์ (27 ก.ค.) หลังจากบริษัทผู้ผลิตยาแถลงว่าได้เริ่มการทดลองขั้นสุดท้าย ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 30,000 คน เพื่อพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิผลของมัน ขวากหนามสุดท้ายก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการอนุมัติของคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบ
วัคซีนของโมเดอร์นาเป็นวัคซีนตัวแรกในโครงการเร่งรัดพัฒนาวัคซีนต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เข้าสู่การทดลองขั้นสุดท้าย เพิ่มความหวังว่าวัคซีนที่มีประสิทธิผลจะช่วงยุติการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ และคำแถลงนี้ช่วยดันให้หุ้นของโมเดอร์นา เพิ่มขึ้น 9%
ทั้งนี้ โมเดอร์นา ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ ในโครงการที่มีชื่อว่า Operation Warp Speed program อันเป็นโครงการที่ทางการช่วยออกทุนให้แก่บริษัทต่างๆ สำหรับนำไปวิจัยและพัฒนาว่าที่วัคซีนโควิด-19
โครงการ Operation Warp Speed นั้น มีเป้าหมายเพื่อพัฒนา ผลิตและแจกจ่ายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เวลานี้มีว่าที่วัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากกว่า 150 ตัว ที่อยู่ในขั้นตอนต่างๆ ของการพัฒนา และมีหลายสิบตัวที่มีแนวโน้มมีความคืบหน้าในการทดลองกับมนุษย์
“มีแจกจ่ายวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิผลภายในช่วงสิ้นปี 2020 คือ เป้าหมายที่ท้าทายยิ่ง แต่มันเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับอเมริกันชน” ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯกล่าว ในถ้อยแถลงเริ่มการทดลองขั้น 3
บรรดาผู้ผลิตต่างๆ กำลังยกระดับการผลิต แม้วัคซีนอยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อตอบสนองต่อไวรัสเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เนื่องจากเวลานี้โควิด-19 ยังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลก และคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 650,000 คน
คอลลินส์ เผยว่าโมเดอร์นา อาจมีวัคซีนหลายสิบโดสพร้อมใช้ ทันทีที่วัคซีนได้ข้อสรุปว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล
การทดลองกลุ่มใหญ่ออกแบบมาเพื่อประเมินความปลอดภัยของวัคซีค mRNA-1273 ของโมเดอร์นา และสรุปว่ามันสามารถป้องกันอาการของโควิด-19 ได้หรือไม่ หลังจากใช้ยา 2 โดส
นพ.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติสหรัฐฯ บอกว่า ผลการทดลองอาจออกมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน, ธันวาคม หรือกระทั่งก่อนหน้านั้น พร้อมระบุว่าไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน หลังจากเห็นข้อมูลก่อนหน้านี้ จากการทดลองกลุ่มเล็ก
ทั้งนี้ การทดลองยังเป็นการหาคำตอบว่าวัคซีนสามารถป้องกันการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้หรือไม่
ในการทดลอง อาสาสมัครบางคนได้รับการฉีดวัคซีน mRNA-1273 บางคนได้รับวัคซีนหลอก ปริมาณ 100 ไมโครกรัม จำนวน 2 โดส โดยแต่ละโดสจะทิ้งระยะห่างกัน 28 วัน
ผลการทดลองขั้นต้นในอาสมัครกลุ่มเล็กที่เผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา พบว่า อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นา 2 โดส มีระดับแอนตีบอดีฆ่าไวรัส เกินกว่าค่าเฉลี่ยของคนที่หายป่วยจากโควิด-19