xs
xsm
sm
md
lg

In Clip: ออสเตรเลียเปิดเผยจดหมายโต้ตอบอื้อฉาวครั้งประวัติศาสตร์ “ควีนเอลิซาเบธ” เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯ กอฟ วิธแลม ถูกสั่งปลดปี 1975

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/mgrออนไลน์ – จดหมายประวัติศาสตร์ถูกเปิดเผยล่าสุดถึงการตอบโต้ระหว่างสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธนาถที่ 2 แห่งอังกฤษและผู้สำเร็จราชการ เซอร์ จอห์น เคอร์ หารือถึงการปลดอดีตนายกรัฐมนตรีพรรคแรงงาน กอฟ วิธแลม ของออสเตรเลียเมื่อปี 1975 วิกฤตการเมืองออสเตรเลียที่ใหญ่ที่สุด

อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานวันนี้(14 ก.ค)ว่า ผู้สำเร็จราชการ เซอร์ จอห์น เคอร์ (Sir John Kerr)ได้สั่งปลดนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กอฟ วิธแลม (Gough Whitlam) จากพรรคแรงงานที่ชนะการเลือกตั้งมาเมื่อปี 1972 เมื่อปี 1975 ถูกเซอร์ เคอร์สั่งปลดออกจากตำแหน่ง โดยที่เซอร์ เคอร์ ไม่ได้แจ้งการปลดต่อสำนักพระราชวังบักกิงแฮมให้รับทราบล่วงหน้า อ้างอิงจากจดหมายลับที่ถูกเก็บเป็นความลับมานานหลายสิบปีที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยล่าสุด

แต่อย่างไรก็ตาม ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮมได้แจ้งต่อเซอร์ เคอร์ว่าเขามีอำนาจที่สามารถสั่งปลดผู้นำออสเตรเลียได้

การตัดสินใจของผู้สำเร็จราชการในการปลดวิธแลมเมื่อวันที่ 11 พ.ย 1975 ส่งผลทำให้เกิดวิกฤตทางรัฐธรรมนูญออสเตรเลียครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศ และทำให้มีคนจำนวนมากเรียกร้องให้ออสเตรเลียประกาศแยกตัวจากเครือจักรภพอังกฤษที่มีองค์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นพระประมุข และตั้งสาธารณรัฐขึ้นแทน

ซึ่งการสั่งปลดผู้นำพรรคแรงงานออสเตรเลียนั้นเป็นแค่สั่งยุบรัฐบาลออสเตรเลียที่มาจากการเลือกตั้งตามพระราชอำนาจของสมเด็จพระราชินีผู้ที่ยังคงเป็นประมุขแห่งรัฐ

หอจดหมายเหตุแห่งชาติออสเตรเลีย(The National Archives of Australia)วันนี้(14)ได้อนุญาตให้เผยแพร่ต่อสาธารณะสำหรับจดหมายและกฤตภาค(press clipping) ซึ่งเป็นการตอบโต้ระหว่างเซอร์ จอห์น เคอร์ และสำนักพระราชวังบักกิงแฮมในเวลานั้นที่มีมากว่า 1,200 หน้าช่วงระหว่างสิงหาคม 1974 – ธันวาคม 1977

โดยในจดหมายแสดงถึงการหารือถึงวิกฤตทางการเมืองออสเตรเลียร่วม 2 เดือนก่อนที่วิธแลมจะถูกสั่งให้ออกจากตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียระหว่างที่เขาอยู่ในความพยายามที่จะให้รัฐสภาออสเตรเลียผ่านงบประมาณและสิ้นสุดวิกฤตทางตันทางการเมือง

ทั้งนี้พบว่าในเดือนตุลาคม ปี 1975 ฝ่ายค้านเข้าควบคุมเสียงในวุฒิสภาเพื่อถ่วงเวลาการผ่านพระราชบัญญัติการจัดสรรงบประมาณ (An appropriation bill) ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติที่มีความจำเป็นในการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งนโยบายนี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว แต่ยังคงหยุดชะงักในวุฒิสภา ฝ่ายค้านแถลงการณ์ว่าพวกเขาจะทำเช่นนี้ต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ และฝ่ายค้านกระตุ้นให้ผู้สำเร็จราชการ เซอร์ จอห์น เคอร์ ให้ปลดวิธแลมเสีย เว้นแต่ว่าวิธแลมจะยอมตามข้อเสนอของพรรคเสรีนิยม ซึ่งวิธแลมปฏิเสธที่จะนำร่างพระราชบัญญัติมาแก้ไขในคณะรัฐบาล เขาประกาศว่าร่างพระราชบัญญัติผ่านสภาผู้แทนราษฎรด้วยเสียงข้างมากมาแล้ว แต่ตอนนี้เหมือนกำลังถูกเรียกค่าไถ่โดยวุฒิสภา

โดยหนึ่งในเอกสารที่ระบุวันที่ 4 พ.ย ปี 1975 เซอร์ มาร์ติน คาร์เตอริส(Sir Martin Charteris) เลขานุการส่วนพระองค์ของสมเด็จพระราชินีได้ส่งจดหมายถึงเซอร์เคอร์ว่าพระราชอำนาจในการสั่งยุบสภานั้นไม่ได้ถูกใช้มาหลายปี

มีบางส่วนอ้างว่าพระราชอำนาจในส่วนนี้ไม่มีจริง “แต่ผมไม่เชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้น” เซอร์ คาร์เตอริส กล่าวและพูดต่อว่า “เซอร์ เคอร์ มีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่ดีแล้ว”

และ 1 สัปดาห์หลังจากนั้นพบว่าผู้สำเร็จราชการประจำออสเตรเลียได้ออกคำสั่งปลดวิธแลมออกโดยที่ไม่กราบบังคมทูลต่อสมเด็จพระราชินีนาถแห่งอังกฤษให้ทรงทราบถึงการตัดสินจากของเขาในการให้วิธแลมออกจนกระทั่งเขาได้สั่งปลดไปแล้ว

“ผมควรที่จะกล่าวว่าผมตัดสินใจเองที่จะลงมือโดยที่ไม่แจ้งต่อพระราชวังบักกิงแฮมล่วงหน้าเป็นเพราะภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญแล้วความรับผิดชอบนี้เป็นของผม และผมมีความเห็นว่าจะเป็นการดีกว่าที่องค์สมเด็จพระราชินีจะไม่ทรงรับรู้ล่วงหน้า ถึงแม้ว่าเป็นสิ่งที่ผมสมควรต้องกราบบังคมทูลต่อพระองค์ในทันทีต่อเรื่องนี้” เซอร์ เคอร์ กล่าวในจดหมายลงวันที่ 11 พ.ย ปี 1975 หลังจากที่เขาสั่งปลดฟ้าผ่าแล้ว

และหลังจากนั้นผู้สำเร็จราชการได้แต่ตั้งให้ มัลคอล์ม เฟรเซอร์ (Malcolm Fraser) จากพรรคเสรีนิยม (Liberal Party) ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการคนใหม่แต่ทำให้เกิดความวุ่นวายและมีการประท้วง แต่อย่างไรก็ตามพบว่า เฟรเซอร์ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทะลายภายหลังในปีนั้น

ซึ่งเซอร์ คาร์เตอริสได้ออกมาแสดงความยินดีต่อเซอร์ เคอร์ที่ไม่ได้ออกมาเตือนล่วงหน้าถึงการปลดต่อพระราชวังบักกิงแฮมและตัวอดีตนายกฯวิธแลม







กำลังโหลดความคิดเห็น