รอยเตอร์ – กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อนุมัติโครงการอัปเกรดระบบขีปนาวุธแพทริออตชนิดยิงจากพื้นดินสู่อากาศให้แก่ไต้หวัน รวมมูลค่า 620 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นครั้งล่าสุดที่วอชิงตันส่งออกเทคโนโลยีทางทหารเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้แก่ไทเปท่ามกลางการสยายอิทธิพลของจีน
สหรัฐฯ ก็เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลกที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่มีพันธกรณีตามกฎหมายที่จะต้องช่วยสนับสนุนเกาะประชาธิปไตยแห่งนี้ในด้านความมั่นคง
จีนยืนยันว่าไต้หวันเป็น ‘มณฑล’ หนึ่งของตน และประณามสหรัฐฯ เรื่อยมาที่ขายอาวุธให้แก่ไทเป
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (9 ก.ค.) ว่า รัฐบาลไต้หวันได้แจ้งความประสงค์ขอสั่งซื้อชิ้นส่วนอุปกรณ์ในการอัปเกรดระบบแพทริออต “เพื่อสนับสนุนอายุการใช้งานเป็นเวลา 30 ปี”
บริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน จะเป็นคู่สัญญาหลักในโครงการนี้ ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ข้อเสนอจำหน่ายยุทโธปกรณ์ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ ทั้งในแง่เศรษฐกิจและความมั่นคง ทั้งยังเป็นการช่วยสนับสนุนประเทศผู้รับให้สามารถปรับปรุงกองทัพให้มีความทันสมัย และธำรงไว้ซึ่งศักยภาพในการป้องกันตนเองที่เชื่อถือได้” ทางกระทรวงระบุ
กระทรวงกลาโหมไต้หวันคาดว่าโครงการอัปเกรดขีปนาวุธจะได้รับการอนุมัติจากสหรัฐฯ และเริ่มมีผลทางกฎหมายในเดือน ส.ค.
“ข้อตกลงสั่งซื้ออาวุธครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 7 ระหว่างไต้หวันกับรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐฯ มองความมั่นคงของไต้หวันเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งยังเป็นการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนกับสหรัฐฯ ให้เข้มแข็ง เพื่อร่วมกันธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันและในภูมิภาค” กระทรวงกลาโหมไต้หวัน ระบุ
รัฐบาลไทเปทุ่มงบในการเสริมเขี้ยวเล็บกองทัพเพื่อสกัดภัยคุกคามจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเปิดการซ้อมรบทั้งทางทะเลและอากาศใกล้เกาะไต้หวันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
แม้กองทัพไต้หวันจะได้รับการฝึกฝนอย่างดี อีกทั้งยังมีอาวุธอันทรงประสิทธิภาพจากสหรัฐฯ มาเป็นตัวช่วย แต่ก็ไม่อาจเทียบแสนยานุภาพของจีนซึ่งยิ่งใหญ่กว่าทั้งในแง่ของขนาดกองทัพและอาวุธยุทโธปกรณ์ อีกทั้งปักกิ่งก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบอาวุธของตนให้ทันสมัยซับซ้อนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ