เอเอฟพี – หน่วยกู้ภัยและกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นเร่งช่วยเหลือประชาชนหลายพันคนที่ยังคงติดอยู่ตามบ้านเรือนในวันนี้ (9 ก.ค.) หลังเกิดวิกฤตอุทกภัยและดินถล่มในภาคตะวันตกซึ่งสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 60 คน
สำนักงานดับเพลิงและจัดการภัยพิบัติแห่งชาติญี่ปุ่นระบุว่า ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นและถนนซึ่งถูกตัดขาดเนื่องจากดินถล่มทำให้การกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยขณะนี้ยังมีประชาชนอีกกว่า 3,000 ครัวเรือนในเขตจังหวัดคุมาโมโตะที่รอความช่วยเหลือ และคาดว่าจะมีฝนตกลงมาเพิ่มอีก
พายุฝนเริ่มเทกระหน่ำใส่จังหวัดทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นตั้งแต่เช้ามืดวันเสาร์ (4) ก่อนจะสร้างความเสียหายอย่างหนักทั่วญี่ปุ่น โดยหลายพื้นที่มีฝนตกมากเป็นประวัติการณ์จนแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่ง
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ประกาศเตือน “ฝนตกหนักไปจนถึงวันที่ 12 ก.ค. เป็นอย่างน้อย” และขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มเฝ้าระวังอันตรายจากดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน
JMA ยังได้ออกคำสั่งอพยพระดับที่ 2 ซึ่งครอบคลุมประชากรกว่า 450,000 คน ทว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีผลบังคับ และประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเลือกที่จะไม่ย้ายไปอยู่ศูนย์พักพิง ซึ่งอาจเป็นเพราะความกังวลเรื่องไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
โยชิฮิเดะ สุงะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น แถลงยืนยันยอดผู้เสียชีวิตในขณะนี้รวม 58 ราย และมีอยู่อีก 4 รายที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว โดยทางการยังอยู่ระหว่างตรวจสอบกรณีผู้เสียชีวิตอีก 4 รายว่าเกิดจากอุทกภัยครั้งนี้หรือไม่ และยังมีผู้สูญหายอีก 17 คน บาดเจ็บจำนวนมาก
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยอย่างน้อย 80,000 คนและกองกำลังป้องกันตนเองอีก 10,000 นายลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ โดยล่าสุดชุดกู้ภัยได้เดินทางเข้าไปถึงหมู่บ้านอะชิคิตะ (Ashikita) ในจังหวัดคุมาโมโตะ และสามารถช่วยชีวิตชาวบ้านออกมาได้ราว 40 คน หลังถูกน้ำท่วมและดินถล่มปิดเส้นทางมานานถึง 5 วัน
ภาคกลางของญี่ปุ่นก็เผชิญฝนตกหนักเช่นกัน โดย เรียวอิจิ มิยามาเอะ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า มีประชาชนราว 4,000 คนถูกน้ำท่วมตัดขาดจากโลกภายนอก โดยเฉพาะที่เมืองเกโระ (Gero) และทากายามะ (Takayama) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังมีส่วนทำให้ภารกิจกู้ภัยค่อนข้างยุ่งยาก เนื่องจากความจำเป็นที่จะต้องเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้ศูนย์พักพิงต่างๆ รองรับผู้ประสบภัยได้น้อย และประชาชนส่วนใหญ่เลือกที่จะนอนในรถของตัวเองดีกว่าเสี่ยงติดเชื้อหากต้องอยู่รวมกับผู้อื่น
เจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งยอมรับว่า ความกังวลเรื่องไวรัสมีส่วนทำให้คนไม่กล้ามาเป็นอาสาสมัครกู้ภัย ขณะที่ฝ่ายบริหารจังหวัดคุมาโมโตะก็ประกาศงดรับคนจากจังหวัดอื่นๆ เข้ามาเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้เกิดการแพร่เชื้อโควิด-19
