เอเอฟพี - ญี่ปุ่นจะเสริมกำลังทหารเพิ่มเติมเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตจากน้ำท่วมและดินถล่ม ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งคร่าชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 52 ศพ ในนั้นรวมถึงผู้สูงอายุนั่งรถเข็นนับสิบที่เสียชีวิตในบ้านพักคนชราแห่งหนึ่ง หลังหนีน้ำไม่ทัน ในขณะที่ความพยายามอพยพชาวบ้านจากพื้นที่เสี่ยงต้องประสบความยุ่งยากซับซ้อน สืบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
ท่ามกลางปฏิบัติการช่วยเหลือที่กำลังเดินหน้า ซึ่งมีบุคลากรจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมแล้วกว่า 80,000 คน และจะมีเข้ามาสมทบเพิ่มเติม พวกเจ้าหน้าที่เตือนว่าอาจฝนจะเทกระหน่ำลงมาซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยฉุกเฉินสูงสุดลำดับ 2 สำหรับฝนตกหนักและดินถล่ม ครอบคลุมพื้นที่อันกว้างขวางทางตะวันตกเฉียงใต้ และบอกว่า “มีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น” ทั่วประเทศ
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเป็นเหตุให้น้ำในแม่น้ำสายต่างๆ ทะลักล้นตลิ่ง และซัดสะพานหลายแห่งขาด ส่วนดินถล่มก็ได้สร้างความเสียหายแก่ถนนหลายสาย และฝังบ้านเรือนประชาชนหลายหลังจมอยู่ใต้ดินโคลน ทำให้ทีมกู้ภัยประสบความยุ่งยากในการเข้าถึงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่า จนถึงตอนนี้ยืนยันมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 52 คน จากภาวะฝนตกหนักทั่วเกาะคิวชู พื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด ที่เริ่มมาตั้งแต่วันเสาร์ (4 ก.ค.) อย่างไรก็ตาม ด้วยยังมีอีกหลายสิบคนที่ยังสูญหาย ก่อความกังวลว่ายอดผู้เสียชีวิตจากสูงกว่านี้
โยชิฮิเดะ ซูงะ โฆษกรัฐบาลเตือนว่าฝนจะตกลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 วันข้างหน้า “แม้แต่ฝนปริมาณเพียงเล็กน้อยก็สามารถก่อหายนะ ผมอยากบอกประชาชนให้ระมัดระวังอย่างเต็มที่ต่อเหตุดินถล่มและน้ำท่วม” เขากล่าว
นายกรัฐมนตรี อาเบะ บอกว่า เขาจะเพิ่มกำลังทหารอีกเท่าตัวเป็น 20,000 นาย ในภารกิจช่วยเหลือและบรรเทาภัยครั้งนี้ เพื่อช่วยเสริมกำลังแก่หน่วยงานอื่นๆ ที่กำลังพยายามเข้าถึงชาวบ้านที่ติดอยู่ในที่พักอาศัยและตามโรงเรียนต่างๆ
ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองโอมูตะ เด็กๆ หลายสิบคนและคณะครู ต้องใช้ชีวิตยามค่ำคืนอันเลวร้าย บริเวณชั้นบนของอาคาร หลังน้ำไหลบ่าเข้าท่วมชั้นล่าง ส่วนพวกชาวบ้าน ในนั้นรวมถึง เคนทาโร โออิชิ เจ้าของธุรกิจแพยาง ในเมืองตากอากาศ “ฮิโตโยชิ” ถึงขั้นต้องล่องแพออกมาขอความช่วยเหลือ
“ผมมีประสบการณ์ล่องแพมานานกว่า 20 ปี แต่ผมไม่เคยคิดฝันถึงการล่องแพไปทั่วเมืองสักครั้งเลย” เขาบอกกับเอเอฟพี “ผมบอกความจริงเลยนะ ตอนแรกผมกลัวมา ตอนที่เห็นระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”
สื่อมวลชนรายงานว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น มีอยู่ 14 คน ที่เป็นผู้พักอาศัยนั่งรถเข็นของบ้านพักคนชราแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถหลบหนีขึ้นที่สูงได้ ตอนที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
ทีมกู้ภัยรายหนึ่งซึ่งเข้าร่วมตรวจค้นหาผู้รอดชีวิตภายในบ้านพักคนชราดังกล่าว เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ว่า “ชั้นล่างเต็มไปด้วยน้ำ และเราไม่สามารถเข้าไปภายในได้ บางคนสามารถหลบหนีขึ้นไปอยู่บนชั้นที่อยู่สูงขึ้นไป ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต”
ความพยายามอพยพผู้ประสบภัยต้องประสบกับความยุ่งยากซับซ้อน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่ค่อนข้างน้อย โดยพบผู้ติดเชื้อไม่ถึง 20,000 คน และเสียชีวิตราวๆ 1,000 คน อย่างไรก็ตาม ด้วยความจำเป็นต้องรักษาไว้ซึ่งมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ศูนย์พักพิ่งต่างๆ รองรับผู้ประสบภัยได้น้อยลง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งอพยพโดยสมัครใจ ประชาชนราว 1.27 ล้านคนทั่วเกาะคิวชู
ในเมืองยัตสึชิโร เจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนโรงยิมนีเซียมท้องถิ่นแห่งหนึ่งเป็นศูนย์พักกิ่ง โดยใช้กระดาษแข็งทำเป็นกำแพงกั้นแยกแต่ละครอบครัว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า ชาวบ้านบางส่วนตัดสินใจเลือกนอนในรถแทน เพราะไม่ต้องการเสี่ยงติดเชื้อในศูนย์พักพิง