เอเอฟพี - คณะอัยการฝรั่งเศสในวันพุธ (8 ก.ค.) ตั้งข้อหาชาย 2 คน ฐานพยายามฆ่า จากกรณียกพวกรุมทำร้ายคนขับรถบัสคนหนึ่ง จนบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสมองตาย เพียงแค่ไม่พอใจที่คนขับรายนี้ไม่อนุญาตให้พวกเขาขึ้นรถ เนื่องจากไม่สวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
ชาย 4 คน รุมทำร้ายนายฟิลิปเป มองกิลโลต์ คนขับรถบัสวัย 59 ปี ที่เมืองบายอน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) ที่ผ่านมา หลังเขาร้องขอให้ 3 คนในนั้น สวมหน้ากากและพยายามขอตรวจสอบตั๋วโดยสารของชายอีกคน
ส่วนชายอีก 2 คนที่เหลือถูกต้องข้อหาเพิกเฉยไม่ยอมช่วยเหลือบุคคลหนึ่งๆ ซึ่งตกอยู่ในอันตราย และหนึ่งในนั้นยังเจอข้อหาให้ที่หลบซ่อนแก่ผู้ต้องสงสัยอีกข้อหาด้วย จากการเปิดเผยของสำนักงานอัยการท้องถิ่น
การตั้งข้อหาของอัยการท้องถิ่น สอดคล้องกับรายงานของสื่อมวลชนที่ระบุว่า ชายทั้ง 4 คน พากันหลบหนีหลังจากลงมือรุมทำร้ายคนขับอย่างป่าเถื่อน จากนั้นก็ไปซ่อนตัวที่อพาร์ตเมนต์ของหนึ่งในนั้น
ส่วนคนขับอยู่ในสภาพหมดสติตั้งแต่ตอนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนที่แพทย์จะยืนยันในวันจันทร์ (6 ก.ค.) ว่า เขาอยู่ในภาวะสมองตาย
ลูกสาววัย 18 ปีของเหยื่อ เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่าด้วยสีหน้าเศร้าโศกว่า “มันไม่ใช่ลมหายใจของพ่อฉัน เรารู้ดีว่าท่านจากไปแล้ว”
รายงานข่าวระบุด้วยว่าชาย 2 คน ที่ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่ามีอายุ 22 ปี กับ 23 ปี และมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน
มาร์ค มารี อัยการผู้ช่วย เมื่อวันอังคาร (7 ก.ค.) ประณามว่ามันคือเหตุโจมตีที่ป่าเถื่อนรุนแรง "มีการด่าทอและผลัก คนขับถูกลากลงจากรถบัส จากนั้นชาย 2 คน ก็เตะเขาอย่างรุนแรงและต่อนบริเวณท่อนบนของร่างกาย ในนั้นรวมถึงศีรษะ”
เหตุโจมตีทำร้ายคุณพ่อลูก 3 กระตุ้นให้เพื่อนร่วมงานของเขาและคนขับรถสายท้องถิ่นบางส่วนนัดผละงาน เพื่อประท้วงต่อเหตุทำร้ายคนขับอย่างโหดร้ายและแสดงออกถึงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเอง
ฝรั่งเศสบังคับให้สวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ บนระบบขนส่งสาธารณะมาตั้งแต่เดือนเมษายน และคนขับซึ่งอายุ 50 ปีเศษๆ ก็ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่อนุญาตให้คนกลุ่มนี้ซึ่งไม่สวมหน้ากาก ขึ้นมาบนรถ และเชื่อกันว่าการถูกปฏิเสธขึ้นรถคือต้นตอที่ทำให้คนกลุ่มนี้ใช้ความรุนแรงกับคนขับ