บีบีซี - ประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู แห่งบราซิล อนุมัติกฎหมายที่บังคับให้สวมหน้ากากในที่สาธารณะระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แต่กลับใช้สิทธิ์ยับยั้ง (วีโต้) สำหรับบังคับใช้ตามร้านค้า, โบสถ์และโรงเรียนต่างๆ ทั้งที่เวลานี้ประเทศของเขามีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 1.5 ล้านคน และเสียชีวิตเกิน 63,000 คน
ยิ่งไปกว่านั้น ในคำแถลงที่ออกอากาศทางสื่อสังคมออนไลน์ โบลโซนารู บอกว่า ประชาชนจะถูกปรับเงินในกรณีที่ไม่สวมหน้ากากตอนอยู่บ้าน
ที่ผ่านมา โบลโซนารู ปฏิเสธมาตลอดต่อความร้ายแรงของโรคระบาดโควิด-19 ในบราซิล แม้พวกเขาเป็นชาติที่มียอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกอยู่ในเวลานี้ โดยจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เวลานี้ในบราซิล มีผู้ติดเชื้อ 1,496,858 คน นับตั้งแต่เริ่มแพร่ระบาดในเดือนกุมภาพันธ์ เสียชีวิต 63,174 คน
เคที วัตสัน ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำอเมริกาใต้ บอกว่า โบลโซนารู ไม่เคยแคร์เกี่ยวกับการสวมหน้ากาก คำแนะนำทางการแพทย์ซึ่งกลายเป็นประเด็นทางการเมือง เช่นเดียวกับการรับมือกับวิกฤตโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในบราซิล
ผู้สื่อข่าวบีบีซีระบุต่อว่า แม้แต่บางรัฐที่กำหนดบังคับสวมหน้ากาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ปฏิบัติตาม และบ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายหย่อนยาน
ร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร มีมาตราหนึ่งซึ่งระบุว่าประชาชนจำเป็นต้องสวมหน้ากากยามอยู่ในสถานที่ต่างๆ ทางพาณิชย์และอุตสาหกรรม, โบสถ์หรือวิหารทางศาสนา, สถาบันการเรียนการสอน และรวมไปถึงสถานที่ปิดต่างๆ ที่ประชาชนรวมตัวกัน
อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ (3 ก.ค.) โบลโซนารู ใช้สิทธิ์วีโต้มาตรดังกล่าว โดยโต้แย้งว่ามันอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิของสถานที่นั้นๆ นอกจากนี้แล้ว เขายังใช้สิทธิ์วีโต้ข้อบังคับที่กำหนดให้แจกหน้ากากแก่คนยากจนด้วย
สภามีเวลา 30 วัน สำหรับเพิกถอนวีโต้ของประธานาธิบดี โดยต้องใช้เสียงข้างมาก
ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาท่านหนึ่งออกคำสั่งให้ประธานาธิบดีสวมหน้ากากในที่สาธารณะ บางอย่างที่ประธานาธิบดีไม่ยอมปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาศาลอีกแห่งได้ลบล้างคำตัดสินดังกล่าว
โบลโซนารู ยืนยันมาตลอดว่า มาตรการกักกันโรคและเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่มีความจำเป็นสำหรับต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และรังแต่จะก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจบราซิลที่เปราะบาง
เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (2 ก.ค.) บาร์ต่างๆ ในรีโอเดจาเนโร ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดบริการอีกครั้ง แม้เมืองแห่งนี้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แล้วมากกว่า 6,600 คน
เดวิด มิรันดา สมาชิกรัฐสภากลาง โพสต์ภาพถ่ายเป็นภาพประชาชนหลายสิบคนนั่งดื่มอยู่ตามร้านต่างๆ บนถนนสายหนึ่งในเขตเลบลอนของเมืองรีโอเดจาเนโร โดยไม่สวมหน้ากากแม้แต่น้อย และไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคมแต่อย่างใด
“มันเป็นคำทำนายที่น่าเศร้า เชื่อว่า การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีรีโอเดจาเนโร ที่เปิดประตูสำหรับธุรกิจต่างๆ จะต้องชดใช้ด้วยราคาที่แสนแพง” เขากล่าว