รอยเตอร์/เอเอฟพี - ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ในวันศุกร์ (3 ก.ค.) เลือก ฌอง กัสเต็กซ์ ข้าราชการระดับสูงและนายกเทศมนตรีท้องถิ่น ผู้วางยุทธศาสตร์ออกจากมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 ของฝรั่งเศส เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยเขามีหน้าที่ปรับคณะมนตรีและกอบกู้ศรัทธาจากผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง
กัสเต็กซ์ ซึ่งเป็นนักการเมืองสายกลาง-ขวา ได้รับการแต่งตั้งหลังจากที่ เอดัวร์ ฟิลิป อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เพิ่งลาออกจากตำแหน่งในวันเดียวกัน ปูทางให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
การแต่งตั้ง กัสเต็กซ์ วัย 55 ปี ได้รับเสียงชื่นชมจากบรรดานักการเมืองกลาง-ขวาของฝรั่งเศส ขณะที่เขาเคยดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่สูงสุดอันดับ 2 ในทำเนียบอยู่ 2 ปี เมื่อครั้งที่ นิโกลาส์ ซาร์โกซี นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี
เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีให้คำจำกัดความ กัสเต็กซ์ ว่า เป็นข้าราชการระดับอาวุโสผู้มีประสบการณ์ในการเมืองระดับท้องถิ่น ซึ่งจะช่วย มาครง เชื่อมต่อกับแคว้นต่างๆ ของฝรั่งเศส
ก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี กัสเต็กซ์ รับผิดชอบการฟื้นฟูประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า ฟิลิปจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงสัปดาห์นี้ ภายหลังพรรครีพับลิกออนเดอะมูฟของมาครงพ่ายแพ้พรรคกรีนในการเลือกตั้งท้องถิ่นหลายเมืองสำคัญของฝรั่งเศสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยฟิลิปจะกลับไปเป็นนายกเทศมนตรีเมืองเลออาฟร์ ที่เขาชนะเลือกตั้งอย่างง่ายดาย
ความนิยมของนายกฯ ฟิลิป ตกต่ำลงอย่างมากในช่วงที่เกิดวิกฤตไวรัสโคโรนา ขณะที่มาครงเองก็มีคะแนนนิยมตกต่ำลงเรื่อยๆ
มาครงให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นตีพิมพ์เมื่อวันพฤหัสบดี (2 ก.ค.) ว่า ฝรั่งเศสต้องเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่ยากลำบากมาก จำเป็นต้องมีสูตรใหม่ในการรับมือ โดยจะต้องสร้างใหม่ทั้งด้านเศรษฐกิจ, สังคมและวัฒนธรรม และจะมีทีมใหม่อยู่เบื้องหลัง
การปรับคณะรัฐมนตรี มีขึ้นในขณะที่ฝรั่งเศสต้องดิ้นรนต่อสู้กับภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 การชะลอตัวอย่างหนักหน่วงที่ฉุดเศรษฐกิจดำดิ่งราวๆ 11% ในปี 2020 และตัวเลขคนว่างงานพุ่งพรวด
ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสเผยเมื่อวันศุกร์ (3 ก.ค.) ว่า มาครงและฟิลิปหารือกันเมื่อวันพฤหัสบดี (2 ก.ค.) ซึ่งแหล่งข่าวบอกว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นมิตร และทั้งสองตกลงกันว่าถึงความจำเป็นต้องมีรัฐบาลใหม่