รอยเตอร์/เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เอดัวร์ ฟีลิป และรัฐบาลของเขายื่นใบลาออกแล้ววันนี้ (3 ก.ค.) ไม่นานก่อนที่ ประธานาธิบดี เอ็มมานูแอล มาครง จะปรับ ครม.ชุดใหม่ก่อนหน้าการเลือกตั้งปี 2022
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (3 ก.ค.) ว่า สำนักงานทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ปาแลเดอเลลีเซ ออกแถลงการณ์ยืนยันการลาออกของนายกรัฐมนตรีในวันศุกร์ (3) ว่า “นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เอดัวร์ ฟีลิป (Edouard Philippe) ได้ยื่นหนังสือการลาออกของรัฐบาลของเขาต่อประธานาธิบดีที่ได้รับไว้แล้ว”
และในแถลงการณ์ยังระบุว่า อย่างไรก็ตาม ฟีลิปและคณะรัฐบาลชุดเดิมจะยังคงทำหน้าที่ต่อไปก่อนที่การปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเกิดขึ้นและมีการประกาศชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ออกมา
ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสแถลงต่อว่า ชื่อผู้ที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนใหม่ จะถูกประกาศให้ทราบในไม่อีกกี่ชั่วโมงข้างหน้า
คำถามถึงฐานะนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสของฟีลิปนั้น ถูกกล่าวขานไปทั่วมาตั้งแต่กลางเดือนมินายนในขณะที่ประธานาธิบดี เอ็มมานูแอล มาครง ที่ในเวลานี้อยู่ในตำแหน่งไม่ถึง 2 ปี
แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า มาครงและฟีลิปได้ร่วมทานอาหารค่ำด้วยกันในวันพุธ (1) และพบกันต่อในวันพฤหัสบดี (2) ซึ่งแหล่งข่าวทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ชี้ถึงการหารือร่วมกันของผู้นำทั้งสองนั้น “อบอุ่น” และ “เป็นมิตร”
ทั้งมาครงและฟีลิปมีความเห็นตรงกันถึงความจำเป็นที่ต้องมีรัฐบาลฝรั่งเศสชุดใหม่ขึ้นมา เพื่อเฟสต่อไปเพื่อหนทางใหม่
สปุตนิค นิวส์ สื่อรัสเซียรายงานว่า การลาออกของฟีลิปจากตำแหน่งนายกฯ เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่เขากลายเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งท้องถิ่นฝรั่งเศสรอบ 2 ที่เมือง Le Havre โดยชนะไป 58.8% เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสพรรคกรีนกวาดชัยชนะที่แสดงถึงกระแสความต้องการที่จะให้ฝรั่งเศสมีนโยบายด้านภาวะโลกร้อนที่มากกว่านี้ และกระทบต่อการลงรับสมัครเลือกตั้งรอบ 2 ของมาครงหากเกิดขึ้น ฟ็อบส์ชี้
ขณะที่นักวิเคราะห์ได้แสดงความเห็นกับรอยเตอร์ว่า ดูเหมือนมาครงกำลังที่จะเดิมพันด้วยการเปลี่ยนตัวฟีลิปที่มีคะแนนความนิยมเหนือกว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกไป
ฟีลิปนั้นยังคงจงรักภักดีต่อมาครงในช่วงระหว่างฝรั่งเศสเกิดความไม่สงบ และน้อยครั้งมากที่จะเผยตัวออกมาจากเงาของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แต่การที่จะยังคงเก็บเขาไว้นั้นจะยังคงเป็นปัญหา เพราะจะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของมาครงที่ไม่ยอมปล่อยให้ฟีลิปออกไป และพรรคการเมืองของมาครง La République En Marche ขาดความสามารถในการยกเครื่องคณะรัฐมนตรีใหม่ทั้งหมด