รอยเตอร์/เอเอฟพี - วุฒิสมาชิกสหรัฐฯในวันพหัสบดี (25 มิ.ย.) ผ่านร่างกฎหมายซึ่งจะบังคับคว่ำบาตรบุคคลหรือบริษัทใดก็ตามที่สนับสนุนความพยายามของจีน ในการจำกัดอำนาจปกครองตนเองของฮ่องกง ความเคลื่อนไหวซึ่งเป็นการตอบโต้กลับกรณีที่ปักกิ่ง ออกกฎหมายความมั่นคงใหม่บังคับใช้กับฮ่องกง
มาตรการดังกล่าวยังรวมไปถึงการคว่ำบาตรระดับรอง หรือ secondary sanctions กับสถาบันการเงินใดก็ตามที่ทำธุรกรรมร่วมกับบุคคล บริษัทหรือองค์กรใดก็ตาม ที่ให้การสนับสนุนความพยายามของจีนในปราบปรามอำนาจปกครองตนเองของฮ่องกง เปิดทางให้ตัดขาดพวกเขาจากสถาบันการเงินของอเมริกาและจำกัดการเข้าถึงการทำธุรกรรมในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐฯ
“ร่างกฎหมายปกครองตนเองของฮ่องกง” ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาอย่างเป็นเอกฉันท์ อย่างไรก็ตาม เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย มันยังจำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฏรและลงนามโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เสียก่อน
กระนั้นคาดหมายร่างกฎหมายฉบับนี้น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรที่นำโดยพรคเดโมแครตอย่างง่ายดาย เนื่องจากสภาแห่งนี้ย้ำมาตลอดว่าจีนต้องรับผิดชอบในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน
คริส แวน โฮลเลน วุฒิสมาชิกจากเดโมแครต บอกว่า การผ่านร่างกฎหมายของวุฒิสภา เป็นการส่งสารอย่างชัดเจนถึงปักกิ่ง ว่าจะต้องเจอกับผลสนอง หากว่าเขาดำเนินการต่างๆเพื่อบ่อนทำลายอำนาจปกครองตนเองของฮ่องกง
ร่างกฎหมายนี้เกือบผ่านความเห็นชอบตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่ถูกบล็อกโดยวุฒิสมาชิก เควิน คราเมอร์ จากรีพับลิกัน ตามคำร้องขอของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ร้องขอชะลอในนาทีสุดท้าย เพื่อความถูกต้องทางเทคนิค
ความล่าช้าเน้นย้ำให้เห็นว่าความพยายามใดๆ ที่จะตอบโต้ปักกิ่ง ต้องเจอกับความยุ่งยากซับซ้อนมากแค่ไหน เนื่องจากรัฐบาลของทรัมป์เสาะแสวงหาข้อตกลงการค้ากับจีน แต่ในขณะเดียวกัน 2 ชาติมหาอำนาจ ได้เปิดศึกทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิงอิทธิพลกันในระดับนานาชาติ และมีเหตุกระทบกระทั่งกันในประเด็นสิทธิมนุษยชน
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี นับตั้งแต่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งอุบัติขึ้นในจีน ได้ระบาดอย่างหนักหน่วงในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของจีน ในการออกกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่บังคับใช้กับฮ่องกง ในเบื้องต้นกระตุ้นให้ ทรัมป์ เริ่มกระบวนการถอดสถานะพิเศษทางการค้าที่มอบแก่ฮ่องกง ซึ่งอาจทำให้ฮ่องกงต้องสูญเสียสถานะศูนย์กลางการค้าและการเงินระดับโลก