รอยเตอร์ - บอยโก บอริสซอฟ นายกรัฐมนตรีบัลแกเรีย ถูกปรับเงิน 300 เลฟ (ราว 5,400 บาท) โทษฐานละเมิดคำสั่งให้สวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ระหว่างเยือนโบสถ์แห่งหนึ่งเมื่อวันอังคาร (23 มิ.ย.) จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุข
คิริล อนาเนียฟ รัฐมนตรีสาธารณสุขเมื่อวันจันทร์ (22 มิ.ย.) ออกคำสั่งให้ชาวบัลแกเรียทุกคนกลับมาสวมหน้ากากป้องกันโรคอีกครั้งยามที่อยู่ในสถานที่สาธารณะในร่ม หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บัลแกเรียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ สูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในประเทศ
“ทุกคนที่ไม่สวมหน้ากากป้องกันในโบสถ์ของอารามริลา ระหว่างการเดินทางลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีจะถูกปรับเงิน” รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกกับรอยเตอร์ผ่านอีเมล
นอกเหนือจาก บอริสซอฟ แล้ว พวกผู้สื่อข่าว, ช่างภาพและตากล้อง ซึ่งเดินทางไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรี และไม่สวมหน้ากากป้องกันโรค จะถูกปรับเงินเช่นกัน ทางกระทรวงระบุ
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงสาธารณสุขบัลแกเรียไม่ได้บอกว่า บาทหลวงซึ่งอยู่ภายในโบสถ์และไม่ได้สวมหน้ากาก จะถูกปรับเงินด้วยหรือไม่
บัลแกเรีย รับมือกับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ได้ค่อนข้างดี สืบเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์อันเข้มงวด ในนั้นรวมถึงบังคับให้สวมหน้ากากตามสถานที่สาธารณะต่างๆ
ทั้งนี้ บัลแกเรีย เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่สัปดาห์ที่แล้ว รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 606 คน ยอดผู้ป่วยสะสม 3,984 คน ในนั้นเสียชีวิต 207 ราย กระตุ้นให้ อนาเนียฟ ตัดสินใจกลับมาบังคับใช้มาตรการบังคับสวมหน้ากากในสถานที่สาธารณะอีกครั้ง ในนั้นรวมถึงรถไฟและรถบัสโดยสาร
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันจันทร์ (22 มิ.ย.) หัวหน้าผู้ตรวจการสาธารณสุขแห่งรัฐ อังเจล คุนเชฟ ระบุว่า พรรค GERB พรรคขวากลางของบอริสซอฟ และพรรคโซเชียลิสต์ พรรคฝ่ายค้าน ถูกปรับเงินพรรคละ 3,000 เลฟ (ราว 54,000 บาท) ฐานไม่ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระหว่างงานกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากที่พวกเขาจัดขึ้น