รอยเตอร์ - อัยการจีนสั่งฟ้อง 2 พลเมืองแคนาดาข้อหาเป็นสายลับ (espionage) ซึ่งอาจมีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตเมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.) ในความเคลื่อนไหวที่ส่อแววซ้ำเติมข้อพิพาทการทูตระหว่างออตตาวา และปักกิ่ง จากกรณีการจับกุมผู้บริหารหัวเว่ย
นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด แห่งแคนาดา ยอมรับว่ารู้สึก “ผิดหวังอย่างยิ่ง” และยืนกรานจะเดินหน้ากดดันจีนต่อไปจนกว่าจะยอมปล่อยตัวพลเมืองทั้งสอง
ไมเคิล คอฟริก (Michael Kovrig) ซึ่งเป็นอดีตนักการทูต และ ไมเคิล สปาวอร์ (Michael Spavor) ซึ่งเป็นนักธุรกิจ ถูกทางการจีนจับกุมเมื่อปลายปี 2018 ในข้อหาที่เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่ เมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่แดนมังกร ถูกตำรวจแคนาดาควบคุมตัวตามหมายจับของสหรัฐฯ
แม้ปักกิ่งจะยืนยันว่า การจับกุมชายชาวแคนาดาทั้ง 2 คนไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของเมิ่ง แต่อดีตนักการทูตและผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่านี่คือกลยุทธ์ที่จีนกำลังใช้กดดันแคนาดาอยู่
รัฐบาลจีนเรียกร้องหลายครั้งให้แคนาดาปล่อยตัว เมิ่ง และเตือนให้ระวังผลที่จะตามมาจากการช่วยสหรัฐฯ เล่นงานหัวเว่ย
จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุในงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (19) ว่า คำสั่งฟ้องชาวแคนาดาทั้งสองคน “เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 111 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน” ซึ่งว่าด้วยการจารกรรมและข้อมูลลับทางราชการ โดยผู้ฝ่าฝืนอาจมีโทษจำคุกระหว่าง 10 ปีจนถึงตลอดชีวิต
“ข้อเท็จจริงและหลักฐานต่างๆ มีความชัดเจนเพียงพอ เขาสมควรถูกดำเนินคดีตามข้อกล่าวหาที่ระบุไว้” จ้าว เอ่ยถึงกรณีของ ไมเคิล คอฟริก ก่อนที่จะอ้างเหตุผลคล้ายๆ กันกับกรณีของ สปาวอร์
คำสั่งฟ้องของอัยการจีนถือเป็นสัญญาณไฟเขียวให้การไต่สวนคดีเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงวานนี้ (19) ว่า จะไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่กงสุลเข้าพบผู้ต้องขัง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศแคนาดายอมรับว่ารู้สึกกังวล เนื่องจากเจ้าหน้าที่กงสุลไม่มีโอกาสเข้าพบพลเมืองทั้งสองมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ม.ค.
คณะกรรมาธิการกลางฝ่ายกิจการการเมืองและกฎหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนแถลงเมื่อปีที่แล้วว่า คอฟริก ตกเป็นผู้ต้องสงสัย “ขโมยความลับและสอดแนมข้อมูลข่าวกรองที่มีความละเอียดอ่อนของจีน” ส่วน สปาวอร์ ก็มีส่วนเผยแพร่ข้อมูลลับดังกล่าวให้แก่ คอฟริก
คอฟริก ทำงานให้กับองค์กร International Crisis Group (ICG) ซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอที่เน้นเรื่องการแก้ไขข้อพิพาทต่างๆ ส่วน สปาวอร์ วัย 44 ปี เป็นนักธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเกาหลีเหนือ
ร็อบ มัลลีย์ ซีอีโอของ ICG ยืนยันว่า คอฟริก ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของจีนอย่างแน่นอน และเชื่อว่า เขากำลังตกเป็นเหยื่อเกมการเมืองระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และจีน