เอเอฟพี/รอยเตอร์ - คิม โยจอง น้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือออกมาเตือนคืนวันเสาร์ (13 มิ.ย.) ใช้มาตรการล้างแค้นกับเกาหลีใต้ รวมถึงใช้กำลังทางทหาร หลังชี้เกาหลีใต้ปล่อยให้เกาหลีเหนือที่แปรพักตร์โปรยใบปลิวบริเวณพรมแดน ด้านเกาหลีใต้ประชุมความมั่นคงด่วนวันนี้ (14 มิ.ย.) หารือรับมือ เรียกร้องให้เปียงยางกลับเข้าโต๊ะเจรจา
เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) ว่า สำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แถลงวันเสาร์ (13) ว่า คิม โย จอง (Kim Yo Jong) น้องสาวประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ออกมาข่มขู่ที่จะแก้แค้นการที่เกาหลีใต้ไม่ออกมาจัดการกับกลุ่มแปรพักตรเกาหลีเหนือที่ส่งใบปลิวต่อต้านรัฐบาลพี่ชายเธอข้ามพรมแดนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยในรายงาน คิมกล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำให้แน่ใจว่าจะต้องมีการแตกหักเกิดกับเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ เราในไม่ช้าจะมีมาตรการขั้นต่อไปออกมา”
และเสริมต่อว่า “ภายใต้อำนาจที่ใช้ของดิฉันโดยผู้นำสูงสุดของพวกเรา พรรคการเมืองของเรา และประเทศของเรา ดิฉันได้ให้คำสั่งแก่กองทัพต่อกำลังพลหน่วยงานกิจการด้านการจัดการข้าศึกให้เริ่มใช้มาตรการขั้นเฉียบขาดขั้นต่อไปได้”
คิม โยจอง น้องสาวที่เป็นผู้ที่ปรึกษาคนสำคัญให้กับผู้นำเกาหลีเหนือ โดยเธอเสริมว่า “สิทธิในการตัดสินใจการใช้มาตรการขั้นต่อไปจะขึ้นอยู่กับคณะเสนาธิการทหารของพวกเรา”
ซึ่งเอเอฟพีชี้ว่า คิมผู้เป็นน้องสาวไม่ได้กล่าวในรายละเอียดว่าการใช้กำลังทางการทหารจะเป็นเช่นใด แต่เธอออกมาข่มขู่ที่จะรื้อสำนักงานประสานงานร่วมที่ตั้งในเมืองแกซอง (Kaesong) ของเกาหลีเหนือ โดยคิม โยจอง ระบุว่า “ก่อนที่สำนักงานประสานงานร่วมที่ไร้ประโยชน์ที่ตั้งมานานแล้วจะถูกทำลายลงอย่างราบคาบให้ได้เห็น”
รอยเตอร์รายงานว่า ก่อนที่น้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือจะออกแถลงการณ์วันเสาร์ (13) พบว่าเกาหลีใต้ได้ดำเนินคดีทางกฎหมายต่อกลุ่มเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่โปรยใบปลิวต่อต้านรัฐบาลเปียงยางและใบปลิวโฆษณษเชิญชวนเกี่ยวกับข้าวบริเวณพรมแดน
และวันนี้ (14) สภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ได้ประชุมด่วนเพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้ทางฝั่งเปียงยางเข้าร่วมการประชุมตกลง 2 ฝ่ายเพื่อความปรองดอง ซึ่งในที่ประชุมมีหัวหน้าทางความมั่นคงและทางการทูตเข้าร่วม “เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันของคาบสมุทรเกาหลี ทำเนียบสีน้ำเงินของประธานาธิบดี มุน แจ-อิน แถลงโดยไม่ลงรายละเอียด
ส่วนกระทรวงรวมชาติเกาหลีของโซลออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ฝั่งเปียงยางยังคงยึดมั่นในข้อตกลง 2 ชาติเกาหลีที่ได้เคยทำไว้ในอดีต และย้ำว่ารัฐบาลโซลนั้นมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นร้ายแรง
