รอยเตอร์ - ผู้นำคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเกาหลี (politburo) โดยเน้นย้ำถึงการพึ่งพาตนเองในทางเศรษฐกิจ ขณะที่เปียงยางพยายามกดดันเกาหลีใต้ให้ยับยั้งกิจกรรมของผู้ลี้ภัยที่มักจะส่งบอลลูนขึ้นไปโปรยใบปลิวโจมตีระบอบคิมข้ามพรมแดน
การประชุม politburo ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันเกิดขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนจากการระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจโสมแดงที่ถูกนานาชาติรุมคว่ำบาตรจนย่ำแย่อยู่แล้วเป็นทุนเดิม
สำนักข่าว KCNA รายงานว่า การประชุมหนนี้มีประเด็นสำคัญก็คือ “การพัฒนาระบบเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเอง และยกระดับมาตรฐานการดำรงชีวิต” ของพลเมืองโสมแดงให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ทว่า ผู้นำคิมไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงเรื่องที่เกาหลีเหนือวิจารณ์เกาหลีใต้ และกิจกรรมของผู้แปรพักตร์ที่เข้าไปอาศัยแผ่นดินโสมขาวเป็นบ้าน
ตลอดหลายวันมานี้ เปียงยางขู่จะปิดสำนักงานติดต่อประสานงานข้ามพรมแดน (liaison office) รวมถึงโปรเจกต์ความร่วมมืออื่นๆ หากเกาหลีใต้ไม่ดำเนินการยับยั้งพวกนักเคลื่อนไหวที่ส่งบอลลูนขึ้นไปโปรยใบปลิวต่อต้านระบอบคิมในฝั่งโสมแดง
กระทรวงการร่วมชาติเกาหลีใต้ระบุว่า วันนี้ (8) เกาหลีเหนือไม่รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ติดต่อประสานงานข้ามแดนของเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธพูดคุยครั้งแรกตั้งแต่ปี 2018
ทางกระทรวงยืนยันว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ยังคงยึดมั่นในข้อตกลงระหว่างสองเกาหลี และกำลังพิจารณาเสนอกฎหมายห้ามนักเคลื่อนไหวโปรยใบปลิวหรือวัสดุอื่นๆ ข้ามไปยังฝั่งเกาหลีเหนือ
การประชุม politburo ครั้งที่ 13 เน้นหนักไปที่ประเด็นเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น การส่งเสริมอุตสาหกรรมเคมีและปุ๋ย “ให้เป็นพลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” และยังย้ำเรื่องการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่าผู้นำคิมออกงานน้อยผิดปกติในช่วง 2-3 เดือนมานี้ และไม่ได้ปรากฏตัวในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดอดีตประธานาธิบดีคิม อิลซุง เมื่อกลางเดือน เม.ย. ทั้งๆ ที่เป็นงานสำคัญของประเทศ จนเกิดข่าวลือแพร่ระพัดว่าเขาอาจกำลังป่วยหนัก ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับที่รัฐบาลโสมแดงใช้มาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19
จนถึงขณะนี้เกาหลีเหนือยังไม่มีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแม้แต่รายเดียว ขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่ารัฐโสมแดงซึ่งมีพรมแดนติดทั้งจีนและเกาหลีใต้ไม่น่าจะหลีกเลี่ยงการระบาดของโควิด-19 ไปได้อย่างที่อ้าง