รอยเตอร์ - ประชาชนหลายพันคนทั่วออสเตรเลีย เข้าร่วมการประท้วงแบล็กไลฟ์แมทเทอร์ ในวันเสาร์ (13) โดยสวมหน้ากากและปฏิบัติตามหลักเว้นระยะห่างทางสังคม ท่ามกลางเสียงเตือนจากเหล่าผู้นำรัฐ ให้ระงับกิจกรรมดังกล่าว เนื่องจากกลัวการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกสอง
การชุมนุมเหล่านี้ ซึ่งมีตำรวจวางกำลังแน่นหนา เป็นไปอย่างสงบ ผู้ประท้วงเดินขบวนบนถนน หรือรวมตัวที่สวนสาธารณะ และชูป้ายเขียนว่า “ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีสันติภาพ” และ “ขออภัยสำหรับความไม่สะดวก เรากำลังพยายามเปลี่ยนโลก”
“มีคนที่เหมือนกับพ่อของฉัน และ อันตี มินเกลลี ที่พยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่พวกเขาอายุเท่าฉัน นั่นคือ เมื่อ 50 ปีที่แล้ว” จาซินตา เทย์เลอร์ ผู้จัดการประท้วงในเมืองเพิร์ท บอกกับฝูงชน
“ฉันไม่ต้องการรอจนอายุ 80 ปี และยังต้องมาผลักดันความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เพื่อลูกหลานของฉันอีก”
การประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติเกิดขึ้นทั่วโลก ภายหลังการเสียชีวิตของชายชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน จอร์จ ฟลอยด์ เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากตำรวจมินนิอาโปลิสถูกถ่ายคลิปขณะใช้เข่ากดคอฟลอยด์ที่ถูกใส่กุญแจมือนานเกือบ 9 นาที
เพิร์ธมีการประท้วงขนาดใหญ่กว่าเมืองไหนๆ ในออสเตรเลียเมื่อวันเสาร์ (13) ทั้งที่ มาร์ก โกแวน นายกรัฐมนตรีรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียร้องขอให้ยกเลิกกิจกรรมดังกล่าวจนกว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจะจบลง
ในสัปดาห์นี้ผู้ประท้วงแบล็กไลฟ์แมตเทอร์รายหนึ่ง ในเมลเบิร์นถูกตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่นายกรัฐมนตรี สก๊อตต์ มอร์ริสสัน เตือนว่า การชุมนุมขนาดใหญ่อาจขัดขวางการฟื้นฟูของประเทศ
ในสัปดาห์นี้ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเวสเทิร์นออสเตรเลีย โรเจอร์ คุก แนะนำว่า ไม่ควรจัดการชุมนุมขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าภรรยาของเขา หญิงชนพื้นเมือง จะบอกว่า เธอจะเข้าร่วมการชุมนุมก็ตาม
