มาร์เกตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพุธ (10 มิ.ย.) หลังดอลลาร์อ่อนค่า จากถ้อยแถลงของเฟดที่มีแผนคงอัตราดอกเบี้ยระดับใกล้ศูนย์เปอร์เซ็นต์ไปตลอดทั้งปี 2022 ปัจจัยนี้ฉุดให้วอลล์สตรีทปิดผสมผสาน โดยดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 280 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 66 เซ็นต์ ปิดที่ 39.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 55 เซ็นต์ ปิดที่ 41.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่า จะดำเนินการทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ความเคลื่อนไหวที่ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ทางพลังงาน แมตต์ สมิธ นักวิเคราะห์จากชิปเปอร์ดาตา ระบุว่า “ดอลลาร์ถูกทุบหลังถ้อยแถลงของเฟด ผลักราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น”
ข่าวคราวจากธนาคารกลางช่วยบรรเทาแรงกดดันจากข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เผยให้เห็นว่าคลังน้ำมันดิบสำรองรายสัปดาห์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกือบ 6 ล้านบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ รายงานในวันพุธ (10 มิ.ย.) ระบุว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ เพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 มิถุนายน ขณะที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้นราวๆ 3.2 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (10 มิ.ย.) ซื้อขายผันผวน ก่อนปิดผสมผสาน โดยดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ปิดลบ หลังเฟดรับประกันนักลงทุนว่าจะเดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจ แต่ประมาณการว่าจีดีพีในปีนี้จะหดตัว 6.5%
ดาวโจนส์ ลดลง 282.31 จุด (1.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 26,989.99 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 17.04 จุด (0.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,190.14 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 66.59 จุด (0.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,020.35 จุด
ดัชนีแนสแดค ทุบสถิติสูงสุดเป็นประว้ติการณ์ 3 วันติด และเป็นครั้งแรกที่ปิดเหนือ 10,000 จุด
ในถ้อยแถลงด้านนโยบายล่าสุด เฟดประมาณการว่าตัวเลขคนว่างงานจะลดลงเหลือ 9.3% ในช่วงสิ้นปีนี้ จากระดับ 13.3% ในปัจจุบัน และยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับใกล้ๆ ศูนย์เปอร์เซ็นต์ไปจนกว่าเศรษฐกิจจะอยู่บนเส้นทางของการฟื้นตัว อย่างน้อยๆ ก็ตลอดทั้งปี 2020