รอยเตอร์ - ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ในอินเดียพุ่งเกิน 200,000 คนแล้ว ในวันนี้ (3 มิ.ย.) ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดยังอีก “หลายสัปดาห์” กว่าการระบาดจะถึงจุดสูงสุดสำหรับประเทศที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 2 ของโลก
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง มากถึง 8,909 ราย ซึ่งถือว่าเป็นวันหนึ่งที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากที่สุด และทำให้ตัวเลขสะสมขยับขึ้นไปอยู่ที่ 207,615 ราย เสียชีวิต 5,815 ราย
“เรายังห่างไกลจากจุดสูงสุดของการแพร่ระบาด” ดร.นิเวดิตา คุปตะ จากสภาวิจัยการแพทย์อินเดียซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ระบุ
เจ้าหน้าที่อินเดียเคยประเมินว่า การระบาดของโควิด-19 จะถึงจุดพีคในช่วงสิ้นเดือน มิ.ย. หรือเดือน ก.ค. ก่อนที่ยอดผู้ป่วยใหม่จะค่อยๆ ลดลง
ยังมีอีก 6 ประเทศที่จำนวนผู้ป่วยสะสมสูงกว่าอินเดีย เช่น สหรัฐฯ, อังกฤษ และบราซิล เป็นต้น และก็เป็นเรื่องที่น่าพอใจสำหรับแดนภารตะ เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ยังถือว่าต่ำมาก
อย่างไรก็ตาม ยอดผู้ติดเชื้อใหม่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่รัฐบาลอินเดียผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่เริ่มบังคับใช้เมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค.
ทั้งนี้ คำสั่งล็อกดาวน์ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ และทำให้ประชากรอินเดียหลายแสนคนตกงานกะทันหัน
หลังจากที่รถไฟและรถประจำทางเริ่มกลับมาให้บริการ แรงงานอพยพจำนวนมากจึงทยอยหลั่งไหลออกจากเมืองศูนย์กลางการระบาดอย่างมุมไบและนิวเดลีไปยังเขตชนบท พร้อมกับนำไวรัสออกไปแพร่ด้วย ซึ่งตอนนี้พบว่ารัฐพิหาร, โอริสสา และอุตตราขัณฑ์ ซึ่งเป็นแหล่งป้อนแรงงานอพยพสู่เมืองใหญ่เริ่มมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
เจ้าหน้าที่อินเดียระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์ช่วยจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส และทำให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางแพทย์มีเครื่องไม้เครื่องมือเพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วย ซึ่งจนถึงตอนนี้อัตราการเสียชีวิตในอินเดียยังอยู่ที่ 2.82% จัดว่าต่ำเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก 6.13%