รอยเตอร์ - อินเดียมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สะสมทะลุ 100,000 คน ในวันนี้ (19 พ.ค.) มากพอๆ กับจำนวนเตียงผู้ป่วยหนักที่มีอยู่ในประเทศ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันยังแทบไม่มีวี่แววชะลอตัวลง
ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ 4,970 ราย ในรอบ 24 ชั่วโมง ทำให้ผู้ป่วยสะสมทั่วแดนภารตะเพิ่มขึ้นเป็น 101,139 ราย แซงหน้าจีนไปแล้วเรียบร้อย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 134 ราย รวมเป็น 3,163 ราย
ในขณะที่จีนยังคุมยอดผู้ติดเชื้อสะสมเอาไว้ได้ต่ำกว่า 83,000 คน แม้จะมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเป็นเลข 2 หลักในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว แต่ปรากฏว่า อินเดียกลับมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกิน 4,000 คนติดต่อกันหลายวัน ทั้งที่รัฐบาลก็ใช้มาตรการล็อกดาวน์ปิดเมืองเพื่อคุมการแพร่ระบาดมาตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.
ล่าสุด รัฐบาลกลางอินเดียได้ประกาศขยายล็อกดาวน์ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. ทว่า ฝ่ายบริหารท้องถิ่นในหลายรัฐแสดงท่าทีว่าจะอนุญาตให้ภาคธุรกิจเริ่มเปิดกิจการได้แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่อินเดียต่างวิตกกังวลว่า การแพร่ระบาดที่รุนแรงขนาดนี้อาจทำให้ระบบโรงพยาบาลซึ่งมีงบสนับสนุนไม่เพียงพอรองรับผู้ป่วยไม่ไหว
ดรูวา เชาธรี ประธานสมาคมแพทย์เวชบำบัดวิกฤตแห่งอินเดีย ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์เมื่อเดือนที่แล้วว่า อินเดียน่าจะมีเตียงผู้ป่วยไอซียูทั่วประเทศราวๆ 100,000 เตียง และมีเครื่องช่วยหายใจ 40,000 เครื่อง
เชาธรี เตือนว่า โครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรด้านสาธารณสุขในอินเดียจะไม่เพียงพออย่างแน่นอน หากมีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทางการอินเดียไม่ได้แจกแจงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่มีรายงานว่าผู้ติดเชื้อราว 37,000 คนได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว
การแพร่ระบาดส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่ตามมหานครที่มีประชากรหนาแน่น เช่น มุมไบ, นิวเดลี, อาห์เมดาบัด และเชนไน
อย่างไรก็ตาม อัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ในอินเดีย ยังคงอยู่ที่ 3% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศขนาดใหญ่อื่นๆ
สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 90,353 คน หรือคิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 6% จากผู้ป่วยทั้งหมด 1.5 ล้านคน ขณะที่สหราชอาณาจักรและอิตาลีมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 14% และฝรั่งเศสสูงถึง 15%