รอยเตอร์ - เกิดความเดือดดาลอย่างกว้างขวางในอิหร่าน ต่อเหตุการณ์อันน่าสลด บิดาแท้ๆ ลงมือสังหารลูกสาววัยรุ่นด้วยความเหี้ยมโหด หลังไม่พอใจที่เธอหนีตามชายคนรัก คดีสะเทือนขวัญที่ทำเอาประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี ต้องเรียกร้องสมาชิกรัฐสภาให้เร่งผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง เพื่อป้องกันการกระทำรุนแรงกับผู้หญิง
โรมานา อัชราฟี วัย 14 ปี หนีตามชายวัย 29 ปีรายหนึ่ง ออกจากบ้านของเธอในเมืองทาเลสช์ ห่างจากกรุงเตหะราน ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 321 กิโลเมตร เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม
ต่อมาทั้งคู่ถูกตามตัวพบ และ อัชราฟี ถูกส่งกลับไปอยู่ภายใต้การดูแลของครอบครัว ตามกฎหมายอิสลามของอิหร่าน หลังบิดาของเธอทำทีว่าให้อภัยเธอแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 21 พฤษภาคม บิดาของอัชราฟี แอบเล่นงานลูกสาวตอนนอนหลับและใช้เคียวตัดศีรษะของเธอ ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น สุดท้ายบิดาก็ถูกจับและเวลานี้เขาอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของตำรวจ
เรื่องราวของอัสราฟี ตกเป็นข่าวพาดหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับของอิหร่าน และในวันพุธ (27 พ.ค.) มาห์มูด อับบาซี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหน้าที่สำคัญของเราคือความยุติธรรม ติดตามประเด็นนี้และลงโทษผู้กระทำผิดอย่างรุนแรง”
“อย่างไรก็ตาม คดีนี้ไม่ใช่สุดปลายถนน มันเป็นจุดเพิ่มต้นของถนนใหญ่ที่กำหนดให้เราต้องใช้มาตรการต่างๆ ในการปกป้องความเสียสละของผู้หญิงในสังคมเรา” อับบาซีกล่าว
มัสซูเมห์ อับเตคาร์ รองประธานาธิบดีด้านกิจการผู้หญิงและครอบครัว เรียกร้องระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธ (27 พ.ค.) ให้ร่างกฎหมายที่มุ่งเน้นสร้างความปลอดภัยแก่ผู้หญิงเป็นสำคัญ และขอให้เร่งผ่านความเห็นชอบโดยเร็ว
ด้าน ประธานาธิบดี รูฮานี แสดงความเสียใจต่อเหตุฆาตกรรมอันโหดร้ายครั้งนี้ และเรียกร้องให้รัฐสภาผ่านร่างกฎหมายป้องกันความรุนแรงต่อสตรีโดยเร็วเช่นกัน
ข่าวการเสียชีวิตของอัชราฟี ทำให้เกิดกระแสความโกรธแค้นไปทั่วประเทศ แฮชแท็ก #Romina_Ashafi บนทวิตเตอร์ถูกใช้มากกว่า 50,000 ครั้ง โดยผู้ใช้งานส่วนใหญ่ต่างประณามการฆาตกรรมและสภาพสังคมของอิหร่านโดยรวม ส่วนสื่อมวลชนของอิหร่าน ระบุว่า เหตุการณ์นี้คือความล้มเหลวของกฎหมายปกป้องผู้หญิงและเด็กที่อิหร่านมีอยู่ในปัจจุบัน
ชาฮินดอคต์ โมลาเวอร์ดี เลขาธิการของสมาคมปกป้องสิทธิสตรีอิหร่าน โพสต์ข้อความว่า อัชราฟี ไม่ใช่เหยื่อรายแรก และจะไม่ใช่รายสุดท้ายของการฆ่าเพื่อเกียรติยศ ตราบใดที่กฎหมายและวัฒนธรรมท้องถิ่นไม่สามารถป้องปรามพฤติกรรมเช่นนี้ได้อย่างเพียงพอ
ทั้งนี้ กฎหมายอิสลามของอิหร่าน จะลดโทษให้แก่บิดา หรือสมาชิกครอบครัวคนใดก็ตาม ที่ก่อเหตุฆาตกรรม หรือใช้ความรุนแรงต่อเด็ก ในกรณีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว หรือการฆ่าเพื่อเกียรติยศ เช่น หากผู้ชายในอิหร่านถูกพบว่ามีความผิดจริงฐานฆ่าลูกสาว จะต้องรับโทษจำคุก 3-10 ปี แทนที่จะเป็นโทษประหารตามปกติ