เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - เจ้าสัวกาสิโนเกาะมาเก๊าชื่อดัง สแตนลีย์ โฮ (Stanley Ho) เสียชีวิตขณะนอนหลับเมื่อวานนี้ (26 พ.ค.) ทิ้งมรดกมูลค่ามหาศาลไม่ต่ำกว่า 6 พันล้าน ให้กับคนข้างหลัง ด้าน เจย์ วาย ลี (Jay Y Lee) ทายาทซัมซุงถูกอัยการเกาหลีใต้เรียกตัวสอบปากคำรอบใหม่วานนี้ (26 พ.ค.) เกี่ยวกับการควบรวมที่อื้อฉาวปี 2015 และคดีฉ้อโกง
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้ (26 พ.ค.) ว่า สแตนลีย์ โฮ (Stanley Ho) มหาเศรษฐีชาวฮ่องกงซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “เจ้าพ่อกาสิโนเกาะมาเก๊า” และเปลี่ยนให้เกาะมาเก๊าที่ติดกับฮ่องกงให้สามารถเป็นเมืองลาสเวกัสแห่งเอเชีย ได้สำเร็จเสียชีวิตลงในวัย 98 ปี เมื่อวันอังคาร (26) ขณะที่กำลังนอนหลับ แพนซี่ โฮ (Pansy Ho) หนึ่งในบุตรสาวของเจ้าสัวโฮให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ด้านนอกโรงพยาบาลในฮ่องกง
ทั้งนี้ พบว่า โฮ เกิดเมื่อปี 1921 ที่ฮ่องกงและสร้างตัวจนกลายเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดในเอเชีย พบว่า ได้ทิ้งทรัพย์สินจำนวนมากให้กับคนข้างหลัง หนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจกาสิโน SMJ โฮลดิงส์ (SJM Holdings) มูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ พบว่า เจ้าสัวโฮที่รักในการเต้นรำและมีธุรกิจกาสิโน แต่กลับพบว่าเขามักปรากฏต่อสาธารณะในการแนะนำให้สมาชิกครอบครัว และคนรู้จักให้ห่างจากการพนันขันต่อ
บีบีซีรายงานว่า หลังจากที่ธุรกิจกาสิโนเฟื่องฟู พบว่า โฮได้สยายปีกจากเกาะมาเก๊าหันมาทำด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บนเกาะฮ่องกงแทนที่มีทั้งอาคารออฟฟิศและอพาร์ตเมนต์ รวมไปถึงขยายธุรกิจกาสิโนไปยังประเทศต่างๆ รวมถึง โปรตุเกส และเกาหลีเหนือ
สำหรับธุรกิจกาสิโน SMJ โฮลดิงส์ ปัจจุบันนี้บริหารสถานกาสิโน 20 แห่งในมือที่มาเก๊า
สื่ออังกฤษรายงานว่า เจ้าสัวโฮ มีภรรยาทั้งหมด 4 คน และบุตรรวม 17 คน พบว่า เขาเคยถูกสั่งให้ปรับโครงสร้างทางธุรกิจหลังเกิดคดีความทางกฎหมายภายในครอบครัวเมื่อปี 2012
และที่เกาหลี ทายาทซัมซุง เจย์ วาย ลี (Jay Y Lee) ในวันอังคาร (26) ถูกอัยการเกาหลีใต้เรียกตัวสอบปากคำรอบใหม่เกี่ยวกับการควบรวมที่อื้อฉาวปี 2015 และคดีฉ้อโกงทางบัญชี
รอยเตอร์รายงานว่า การเรียกตัวสอบปากคำวานนี้ (26) สร้างปัญหาทางกฎหมายรอบใหม่ให้กับตัวลีที่ในเวลานี้เขากำลังเผชิญหน้าต่อคดีสินบนเพื่อให้ได้การสนับสนุนเพื่อเป็นผู้สืบทอดต่อ ลี คุน-ฮี (Lee Kun-hee) ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซัมซุง กรุ๊ป ที่สุขภาพไม่ดีและเกี่ยวข้องกับอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พัก กึน-ฮเย
อัยการเกาหลีใต้สอบสวนการฉ้อโกงทางบัญชีต้องสงสัยของบริษัทยา ซัมซุง ไบโอลอจิคส์ (Samsung Biologics) เกิดขึ้นหลังผู้กำกับด้านการเงินออกมาร้องเรียนถึงมูลค่าบริษัทที่สูงผิดปกติถึง 4.5 ล้านล้านวอน หรือราว 3.64 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2015
และพวกเขาได้ออกมาชี้ว่า บริษัทยาซัมซุงละเมิดกฎทางบัญชีเพื่อช่วยปรับปรุงมูลค่าของ Cheil Industries ซึ่งเป็นเจ้าของใหญ่ที่มีลีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อ้างอิงจากสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ที่ออกมารายงานการสอบปากคำทายาทซัมซุงเป็นเจ้าแรก
ทั้งนี้ พบว่า Cheil ธุรกิจด้านแฟชั่นของซัมซุง และผู้บริหารสวนสนุกได้ถูกควบรวมเข้ากับ Samsung C&T ในปี 2010 ในดีลที่ทำให้ลีกลายเป็นผู้ถือหุ้นหลักของ Samsung C&T
และดีลควบรวมนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากบริษัทเฮดจ์ฟันด์ชื่อดังของสหรัฐฯ เอลเลียต์ แมเนจเมนต์ (Elliott Management) และนักลงทุนอื่นที่ระบุว่าดีลนี้ดูเหมือนเอื้อให้กับสมาชิกครอบครัวโดยที่ผู้ถือหุ้นรายเล็กต้องเป็นผู้แบกภาระแทน
ด้าน สำนักงานอัยการเขตกลางโซล (Seoul Central District) ได้ออกมายืนยันกับรอยเตอร์ถึงการสอบปากคำลี วาย เจ ว่า “ในวันนี้เราได้เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวกับดีลควบรวมผิดกฎหมายของและการฉ้อโกงทางบัญชีเข้ามาสอบปากคำ”