เอเอฟพี - รัฐบาลสเปนประกาศลดตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ลงเกือบ 2,000 ราย วานนี้ (25 พ.ค.) ทำให้ยอดตายสะสมอยู่ที่ 26,834 ราย ซึ่งต่ำกว่าฝรั่งเศส ส่วนที่อิตาลีมีการเสนอให้จ้างอาสาสมัคร 60,000 คน คอยรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) ต่อไปแม้จะมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์
เฟอร์นันโด ซิมอน ผู้ประสานงานฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุขสเปน เปิดเผยว่า ระบบรวบรวมข้อมูลแบบใหม่ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตัดตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ถูกนับซ้ำ 2 ครั้ง หรือไม่ได้เสียชีวิตจากโควิด-19 ออกไป
“ตัวเลขที่ต่างกันถึง 1,900 คนไม่ใช่น้อยๆ เลย เรากำลังเช็คว่ามันถูกต้องหรือไม่ แต่นี่คือสถิติที่เรามีอยู่ตอนนี้”
กระทรวงสาธารณสุขสเปนซึ่งรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขประจำภูมิภาคอีกทีหนึ่ง ยังได้ปรับแก้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วประเทศจาก 235,772 ราย ที่ประกาศไปเมื่อวันอาทิตย์ (24) ลดลงมาเหลือเพียง 235,400 ราย
ซิมอน อธิบายว่า การแก้ไขสถิติผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคระบาดถือเป็นเรื่องปกติ “มันเกิดขึ้นเสมอเวลาที่มีโรคระบาด เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงและทำให้เรามีเวลาตรวจสอบมากขึ้น คุณก็ต้องแก้ไขตัวเลข และบางครั้งคุณอาจจำเป็นที่จะต้องลดตัวเลขลง”
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่สเปนเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปอีกขั้นในวันจันทร์ (25) โดยกรุงมาดริด และบาร์เซโลนาเริ่มอนุญาตให้มีการเปิดคาเฟ่เทอร์เรซเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 เดือน ขณะที่ชายหาดทางตอนเหนือของประเทศและบางพื้นที่ทางตอนใต้ เช่น หมู่เกาะคะแนรี (Canary islands) และหมู่เกาะบาเลียริก (Balearics) ก็อนุญาตให้ประชาชนลงเล่นน้ำได้แล้ว
ขณะเดียวกัน ที่อิตาลีมีการเสนอแนวคิดให้ตั้งกองอาสาสมัคร “ผู้ช่วยพลเรือน” จำนวน 60,000 คน คอยย้ำเตือนประชาชนให้เว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป หลังจากที่รัฐบาลเริ่มผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ
ฟรานเชสโก บอชเชีย รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภูมิภาค และ อันโตนิโอ เดคาโร นายกเทศมนตรีเมืองบารี (Bari) ระบุว่า อาสาสมัครเหล่านี้จะมาจากกลุ่มคนวัยเกษียณและผู้ที่ว่างงาน โดยมอบหมายให้หน่วยป้องกันพลเรือนซึ่งบริหารจัดการเรื่องอาสาสมัครต่อสู่โควิด-19 เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดหาคน
อาสาสมัครเหล่านี้จะคอยตอบคำถามและเตือนผู้คนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อป้องกันโควิด-19 กลับมาระบาดซ้ำ โดยจะตระเวนไปตามสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ชายหาด, สวนสาธารณะ และท้องถนนในเมืองใหญ่ๆ เป็นต้น แต่จะไม่มีอำนาจในการสั่งปรับเงินผู้ที่ฝ่าฝืน
อย่างไรก็ตาม มีนักการเมืองบางคนออกมาโต้แย้งแนวคิดนี้ว่าไม่เหมาะสม
“คุณคิดว่าคน 60,000 คน ที่มาจากไหนบ้างก็ไม่รู้ และได้รับการฝึกฝนมาอย่างไรก็ไม่รู้ จะไปตระเวนบอกชาวอิตาลีให้ปฏิบัติตามกฎที่ไม่มีใครเข้าใจได้อย่างไร” คาร์โล คาเลนดา ผู้นำพรรคสายกลาง Aziaone ทวีตข้อความ “มันเป็นเรื่องปกติและชอบด้วยกฎหมายสำหรับประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือ?”
จอร์ดาโน มาซินี สมาชิกพรรคโปรยุโรป Piu Europa ออกมาเสนอว่า สิ่งที่อิตาลีต้องการจริงๆ ในเวลานี้ ก็คือ บุคลากรระดับมืออาชีพ
“เราต้องการหมอ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ ครู และผู้ที่ได้รับการศึกษา” มาซินี กล่าว